คกก.ชุดนายกฯ ตั้งสอบ 2 บิ๊กตำรวจ เผย ผลสอบเชื่อ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ส่อร่วมกระทำความผิดฟอกเงิน เหตุ รู้ว่าเป็นเงินจากเว็บพนัน-ได้รับผลประโยชน์ ส่วน ‘บิ๊กต่อ’ รอ ‘ทนายตั้ม’ แจงหลังยื่นหลักฐาน 10 เม.ย.นี้ ยืนยันรู้ผลก่อนเกษียณแน่นอน
กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เข้ามาช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้มีการตรวจสอบข้อขัดแย้งที่มีการกล่าวหากัน เมื่อวันที่ 20 มี.ค.67 ที่ผ่านมา ก่อนจะลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฎเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ล่าสุด วันที่ 5 เม.ย.67 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ตร. ในฐานะคณะกรรมการ และเลขานุการคณะกรรมการชุดดังกล่าว แถลงความคืบหน้าครั้งที่ 1 ระบุว่า คณะกรรมการฯ เชิญคนที่เกี่ยวข้องมาสอบถามจากทั้งสองฝ่าย จำนวนทั้งสิ้นเกือบ 30 นาย เช่น พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ , พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย , พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งเป็นคนที่อยู่ทั้งสองฝ่ายทั้งฝั่งของคนที่กล่าวหา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งได้เชิญบุคคลทั้งหมดนี้มาสอบถาม โดยจะให้ส่งเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมพยานหลักฐานต่างๆ ภายในวันที่ 30 เม.ย.นี้ และจะให้ฝั่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ส่ง ข้อมูลเอกสารที่เหลือทั้งหมดมาให้คณะกรรมการฯ ภายในวัน 20 เม.ย.นี้
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2024/04/received_1130166821504111-1024x579.jpeg)
พล.ต.อ.วินัย บอกว่า ตนเคยพูดก่อนหน้านี้แล้วว่า ชุดข้อมูลซีกของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินมาเกือบสุดทาง และมาสุดทางจริงๆ ตอนศาลอาญาอนุมัติหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ แล้ว ”เราเชื่อไปในทิศทางเดียวกันกับที่ศาลออกหมายจับคือ มีการร่วมกระทำความผิดจริง”
เมื่อถามว่าอะไรทำให้เชื่อไปในทิศทางเดียวกับศาล พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า จากการเรียกมาสอบถามและตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ เราเห็นพยานหลักฐาน
ซี่งเป็นคนละชุดกับพนักงานสอบสวน จึงมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะนี้หลักฐานชัดเจน
พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ในส่วนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จากการดูพยานหลักฐานแล้วเราเชื่อว่ามีการกระทำผิดจริง และเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและรับประโยชน์ รวมทั้งเชื่อว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รู้ว่าเงินมาจากบัญชีม้าของเว็บพนัน ส่วนเส้นเงินไปไหน-อย่างไร ไม่ขอเปิดเผยในส่วนนี้ แต่มีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ ทั้งนี้ ทั้งนั้นยังต้องตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีก ก่อนจะยืนยันว่า คณะกรรมการฯไม่ได้เอาศาลเป็นตัวตั้งในการสรุป
พล.ต.อ.วินัย ยืนยันว่า คณะกรรมการฯ มีความโปร่งใส ตรงไปตรงมา และอย่ามาบอกว่าช่วยเหลือใครฝั่งใดฝั่งหนึ่ง คณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจในการตรวจสอบทั้งข้าราชการและบุคคลทั่วไปที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการในชั้นศาลในอนาคต ส่วนหากภายหลังเกิดกรณีศาลมีคำพิพากษาว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้กระทำความผิด ซึ่งขัดกับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการ จะถือเป็นปัญหาหรือไม่นั้น มองว่าเป็นเรื่องของอนาคต เพราะแม้ว่าศาลจะชี้ว่าไม่ผิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นจะไม่ผิด เป็นเรื่องที่ต้องว่ากันตามพยานหลักฐาน
ทั้งนี้ พล.ต.อ.วินัยกล่าวว่า ไม่กังวล หาก ‘บิ๊กโจ๊ก’ ฟังอยู่แล้ว จะฟ้องคณะกรรมการฯ เพราะดูตามข้อเท็จจริง ซึ่งส่วนนี้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ยังคงสามารถเข้าชี้แจงและต่อสู้ได้ในกระบวนการยุติธรรม แต่ในส่วนของคณะกรรมการฯ เมื่อได้ผลสรุปแล้ว จากนี้ทางคณะกรรมการต้องทำสรุปรายงาน พร้อมหลักฐาน เสนอต่อนายกรัฐมนตรี โดยไม่ต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงฝั่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เนื่องจากหากไม่ทันกำหนดภายใน 60 วัน ก็สามารถขยายขยายระยะเวลาต่อไปได้ แต่ยืนยันเสร็จก่อนเกษียณอายุราชการอย่างแน่นอน
พล.ต.อ.วินัย ระบุว่า เมื่อต้องหาคดีอาญาแล้ว จากนี้เป็นเรื่องของวินัย โดยมีผู้บังคับบัญชาเป็นคนดำเนินการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ซึ่งส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของตน และไม่ขอออความเห็นเรื่องโทษทางวินัย
เมื่อถามย้ำว่าจากการเป็นข้าราชการตำรวจ เมื่อตำรวจโดนหนักระดับนี้ มีโอกาสเป็น ผบ.ตร. ได้หรือไม่ พล.ต.อ.วินัย ยังคงงดแสดงว่าความเห็นเหมือนเดิม แต่เชื่อว่าศึกครั้งนี้ใกล้จบลงแล้ว
ส่วนที่มองว่าทางการตรวจสอบฝ่าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แล้วเสร็จอย่างรวดเร็วนั้น พล.ต.อ.วินัยกล่าวว่า เนื่องจากพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานมาเป็นเวลานานกว่า 7 เดือน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดนี้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานจากบุคคลที่เกี่ยวข้องเอง ไม่ได้นำข้อมูลจากพนักงานสอบสวนมาอ้างอิงเท่านั้น
ส่วนกระบวนการตรวจสอบฝั่งของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์นั้น ในพุธวันที่ 10 เม.ย.นี้ เวลา 10:30 น. จะเชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เข้าให้ข้อมูลที่บ้านมนังคศิลา หลังจากที่คณะทำงานได้เชิญมาหลายครั้ง แต่ทนายตั้มอ้างว่า ติดภารกิจเดินสายร้องเรียน ซึ่งจะต้องสอบถามทนายตั้มเกี่ยวกับที่มาของเอกสารที่ได้นำไปร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และภรรยา ที่ สน.เตาปูน รวมทั้งที่มาของพยานบุคคล และเส้นทางการเงินที่ระบุว่ามีความเชื่อมโยง กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และภรรยา
ขอบคุณข้อมูลจากเพจสรยุทธ์ สุทัผสนะจินดา กรรมกรข่าว