วันอาทิตย์, มิถุนายน 16, 2024
หน้าแรกHighlight“นักวิชาการสิ่งแวดล้อม”ชี้“โลกร้อนขึ้น” โอกาสเครื่องบินตกหลุมอากาศมีมากขึ้น
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“นักวิชาการสิ่งแวดล้อม”ชี้“โลกร้อนขึ้น” โอกาสเครื่องบินตกหลุมอากาศมีมากขึ้น

นักวิชาการสิ่งแวดล้อม ชี้ “โลกร้อนขึ้น” โอกาสที่เครื่องบินจะตกหลุมอากาศที่รุนแรง มีมากขึ้น เผย อัตราการเกิดหลุมอากาศจะเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าภายในปี 2050 อาจมีเครื่องบินต้องเผชิญกับหลุมอากาศรุนแรงมากขึ้นถึง 40%

เมื่อวันที่ 22 พ.ค.67 ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความระบุว่า โลกร้อนขึ้น โอกาสที่เครื่องบินจะตกหลุมอากาศมากขึ้น..เพราะอะไร?

1.เครื่องบินที่บินในบริเวณซีกโลกตะวันตกหรือบินจากโลกตะวันตก มายังซึกโลกตะวันออก มีโอกาสที่จะตกหลุมออากาศบ่อยขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิในบรรยากาศของโลกที่สูงขึ้น ทำให้ลมกรด หรือ Jet stream ซึ่งเป็นลมที่ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมการบินแปรปรวน

2.Jet Streams หรือลมกรด เป็นกระแสลมที่ไหลเวียนในระดับความสูงประมาณ 7.0 ถึง 16 กม.เหนือจากพื้นโลก มีความเร็วสูงมากถึง 200-400 กม./ชม.เป็นลมที่พัดจากทิศตะวันตกมายังทิศตะวันออกของโลก ดังนั้นถ้าเครื่องบิน บินจากซึกตะวันตกมาทางซีกตะวันออก ก็ควรวางแผนการบินให้บินตามกระแสของ Jet stream จะทำให้มีความเร็วเพิ่มขึ้นช่วยประหยัดพลังงานและลดเวลาในการบินสั้นลง แต่หากจะบินจากตะวันออกมาทางตะวันตก ก็ควรบินหลบ Jet stream ให้มากที่สุด เพราะจะสวนกระแสลม ทำให้ใช้เวลาการบินมากขึ้น

3.อุณหภูมิในบรรยากาศของโลกที่สูงขึ้น เนื่องจากโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น ทำให้ลมกรดหรือ Jet stream ลดความเร็วลงในบางช่วง มีงานวิจัยระบุว่าอุณหภูมิในบรรยากาศที่สูงขึ้นในแถบทวีปอาร์กติก ซึ่งร้อนขึ้นเกือบสี่เท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลก กำลังส่งผลให้กระแสลมกรด (jet stream) ซึ่งเป็นลมที่มีกำลังแรง พัดอยู่บนชั้นบรรยากาศในบางช่วงมีความเร็วลดลง ทำให้เกิดอากาศแปรปรวนในขณะที่อากาศปลอดโปร่ง (Clear Air Turbulance) มากขึ้น (ทั้งที่ไม่ได้บินผ่านเมฆหรือพายุ) เนื่องจากช่วงที่ความเร็วของลมกรดลดลง จะทำให้ความหนาแน่นของมวลอากาศในช่วงบริเวณดังกล่าวบางลง ซึ่งทำให้เกิด “หลุมอากาศ” ขึ้น ในขณะที่เครื่องบินได้บินผ่านหลุมอากาศ แรงยกจากปีกของเครื่องบิน จะลดลงอย่างกระทันหัน ทำให้ตัวเครื่องตกลงไปในหลุมอากาศ ซึ่งจะตกมากหรือน้อย อยู่ที่ขนาดของความหนาแน่นของมวลอากาศ

4.นักวิจัยชี้ว่าอัตราการเกิดหลุมอากาศจะเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าภายในปี 2050 และอาจมีเครื่องบินต้องเผชิญกับหลุมอากาศที่รุนแรงมากขึ้นถึง 40%

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img