“วิชา-หมอวรงค์” แนะรัฐบาลให้ยื่นอุทธรณ์ รอ “ศาลปกครองสูงสุด” ชี้ขาด ปม “ยิ่งลักษณ์” ไม่ต้องชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาท หลังศาลปกครองกลางมีคำสั่งขัดแย้งกับศาลฎีกานักการเมือง “มือปราบจำนำข้าว” โพสตคลิป “ปู” รับรู้สัญญาขายข้าวจีทูจีมัดแน่น
เมื่อวันที่ 2 เม.ย.64 นายวิชา มหาคุณ อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลาง สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าเสียหาย 3.5 หมื่นล้านบาท จากกรณีการทุจริตโครงการระบายข้าวและจำนำข้าว พร้อมกับสั่งเพิกถอนการยึด อายัดทรัพย์สินของอดีตนายกรัฐมนตรีกับสามี เพื่อดำเนินการขายทอดตลาดนั้นว่า เป็นเรื่องของศาลปกครองกลาง ซึ่งยังมีศาลปกครองสูงสุดอยู่
เมื่อถามว่า หากคำพิพากษาศาลปกครองกลางออกมาแบบนี้ จะขัดแย้งกับคำพิพากษาอื่นก่อนหน้านี้หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะคิดกันคนละแบบ ซึ่งคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ชัดเจนอยู่แล้ว คดีนี้เป็นคดีแพ่งที่ได้รับความเสียหาย ไม่อยากให้มองเป็นอย่างอื่น เพราะจะทำให้คำพิพากษาขัดแย้งกัน ดังนั้นเราจะต้องรอคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดซึ่งเชื่อว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์อีกครั้ง
ด้านนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ว่าที่หัวหน้าพรรคไทยภักดี ในฐานะอดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากการทุจริตในโครงการดังกล่าว 35,000 ล้านบาทว่า ตนเคารพคำตัดสินของศาลปกครองกลาง วันนี้หลายคนคงแปลกใจต่อคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ทั้งที่คดีนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองมีคำพิพากษาความผิดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานไม่ระงับยับยั้ง และปล่อยให้มีการทุจริตในคดีการระบายข้าวแบบจีทูจี สิ่งที่น่าพิจารณาคือในคำพิพากษาศาลปกครองกลางมีประเด็นที่ขัดแย้งกับคำพิพากษาศาลฎีกานักการเมือง เพราะศาลปกครองกลางระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกฯ รับรู้เกี่ยวข้องเฉพาะขั้นตอนการทำเอ็มโอยู เพื่อให้มีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องในการทำสัญญาระบายข้าว
นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า แต่เมื่อมาเทียบกับคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ที่ระบุว่าสำหรับประเด็นระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐนั้น วินิจฉัยว่าตามพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่หมายถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทราบว่าสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่ระงับยับยั้ง ปล่อยให้มีการส่งมอบข้าวตามสัญญาให้รัฐวิสาหกิจจีนต่อไปอีก ซึ่งเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับผู้อื่น การกระทำของน.ส.ยิ่งลักษณ์จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ลงโทษจำคุก 5 ปี
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ที่น่าสนใจนั่นคือคลิปวีดีโอหลักฐานที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล เรื่องการระบายข้าวดังกล่าวเมื่อวันที่ 9 ต.ค.2555 หรือหลังดำเนินโครงการมาแล้ว 1 ปี โดยวันนั้น เธอยืนยันว่าเห็นสัญญาซื้อขาย และตอบผิดๆ ถูกๆ จนลิ่วล้อซึ่งก็คือนายบุญทรง (เตริยาภิรมย์) ต้องพูดแทรกกลางคันว่า สัญญานั่นไม่ใช่เอ็มโอยูดังที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบนักข่าว แต่เป็น Sale Contract ไปเสียอีก ซึ่งคำพูดของน.ส.ยิ่งลักษณ์น่าจะมีนัยยะว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เห็นหรือรับรู้ แต่พูดผิดๆ ถูกๆ ที่ซ้ำร้าย กว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะปรับนายบุญทรงออกจากตำแหน่ง “รมว.พาณิชย์” ต้องใช้เวลานานถึง 7 เดือน นำไปสู่การระบายข้าวจีทูจีภาค 2 อีก 14 ล้านตัน ซึ่งรอป.ป.ช.ชี้มูล ทางที่ดีรัฐบาลต้องรีบอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดและนำคลิปนี้ไปหักล้างด้วย
