“พิชิต”ย้ำไม่ยึดติดกับผลประโยชน์ส่วนตน แต่ยึดมั่นในกฎหมาย รัฐมนตรีต้องซื่อสัตย์ สุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ยืนยันไม่กังวล พร้อมชี้แจงทุกประเด็น
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 67 เวลา 9.30 น. ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงกรณีคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่า การชี้แจงในวันนี้เป็นการชี้แจงในฐานะของคนทำงานแบบมืออาชีพ การจะตั้งรัฐมนตรีหรือตั้งคณะรัฐมนตรี บุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี จะต้องไปกรอกรับรองคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม จากนั้นจะมีกระบวนการทางการบริหารราชการแผ่นดิน โดยจะมีสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำเอกสารของบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีไปตรวจสอบ และดำเนินการส่งเรื่องต่อไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรมบังคับคดี ซึ่งจะมีวิธีการตรวจสอบว่ามีการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ ซึ่งหากมีการกระทำความผิดจะถูกบันทึกอยู่ในประวัติอาชญากรอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอยากให้นำความจริงมาพูดกัน ไม่อยากให้มีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นจริยธรรม มีคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นแบบอย่างบรรทัดฐานแล้ว เพราะฉะนั้นจริยธรรมถ้ากฎหมายเป็นกฎหมาย บ้านเมืองมีหลักนิติธรรม ต้องดูว่าอยู่ตรงไหน อีกทั้ง มั่นใจว่าหลักนิติธรรม และความเป็นธรรมที่ศาลรัฐธรรมนูญมี ตนไม่หวั่นไหว เพราะโดยบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร แต่คำวินิจฉัยของศาลฎีกาไม่ได้ผูกพันศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นระบบประมวลกฎหมาย ถ้าไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจ ย่อมไม่มีอำนาจ การไต่สวนวิธีพิจารณา เรื่องละเมิด อำนาจศาล ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นหลัก ในคดีอาญาก็ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นหลัก อะไรที่กฎหมายพิจารณาความอาญาไม่บัญญัติไว้ ก็บอกให้เอาวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ทั้งนี้ ประมวลกฎหมายวิธีความแพ่งกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่เคยบัญญัติว่าให้เอาประมวลกฎหมายอาญาซึ่งเป็นกฎหมายสาระบัญญัติ มาใช้ในการพิจารณาพิพากษาคดี ถ้ามีเขียนให้เอาประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 มาใช้ ตนนั้นพร้อมลาออกภายในวันนี้
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า ตนไม่ยึดติดกับผลประโยชน์ส่วนตน แต่ยึดมั่นในกฎหมายมาตรา 164 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีต้องซื่อสัตย์ สุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ การที่ตนได้ทำงานให้ประชาชน ทำงานให้พระพุทธศาสนานั้นรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง ยืนยันไม่รู้สึกกังวล พร้อมชี้แจงในทุกประเด็น