“บิ๊กโจ๊ก” บุกป.ป.ช.ฟ้องเอาผิดนายกฯผิด ม.157 ปมแต่งตั้ง “ต่อศักดิ์” เป็นผบ.ตร. ลั้นไม่ได้เป็นการไล่เช็คบิล แต่เป็นการรักษาระเบียบกฎหมาย และปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 3 ก.ค.67 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ถนนนนทบุรี ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เดินทางมาที่สำนักงานป.ป.ช. เมื่อเดินทางมาถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้นำเอกสารประกอบด้วยแฟ้มใหญ่ 2 แฟ้ม กับแฟ้มเล็กอีก 2 แฟ้ม เข้ายื่นต่อ ป.ป.ช. ก่อน หลังจากนั้นจึงออกมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ได้มายื่น ป.ป.ช. มีวัตถุประสงค์ 2 เรื่องคือ เรื่องแรกเป็นการยื่นหลักฐานเพิ่มเติมคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ของ สน.เตาปูน ที่เป็นเจ้าของคดี โดยนำเอกสารมายื่นทั้งหมด 4 แฟ้มใหญ่ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ คดีนี้ตนเองอยู่ในชั้น ป.ป.ช. ทำให้สถานะของตัวเองเปลี่ยนจากผู้ต้องหา เป็นผู้ถูกตรวจสอบ หาก ป.ป.ช.ตรวจสอบแล้วพบว่า ตนมีความผิด ก็ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาไปตามขั้นตอน แต่หาก ป.ป.ช.ไม่พบความผิดก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ อย่างไรก็ตาม วันนี้เอาพยานหลักฐานมาชี้แจงเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา ส่วนคดีที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ทราบว่ามีการยื่นฟ้องลูกน้องของตน ทั้งหมด 8 นาย ไปยังศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งทราบว่าทางอัยการได้ตีสำนวนกลับมาทางพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน เพราะคดีดังกล่าวไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตำรวจ โดยพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ส่งสำนวนของลูกน้องตัวเองมายัง ป.ป.ช.แล้ว ซึ่งวันนี้ใครทำอะไร ต้องรับผลไปตามนั้น
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องต่อมาคือประเด็นการกล่าวหานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวเองเคยยื่นกล่าวหาไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 22 เม.ย.67 ส่วนที่ต้องมายื่นใหม่ เพราะทราบว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ถอนฟ้องไปแล้ว จึงตัดสินใจมายื่นฟ้องใหม่ในวันนี้ ฐานะพยาน ผู้เสียหายคือพล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้อาวุโสลำดับที่ 1 หากพิจารณาตามพ.ร.บ.ตำรวจ การพิจารณาตำแหน่ง ผบ.ตร. ต้องยึดตามหลักการสอบ ประเด็นคือเรื่องของความอาวุโสและความรู้ประสบการณ์ด้านการสืบสวนสอบสวนและการป้องกันและปราบปราม แต่ในวันพิจารณาดังกล่าวตนได้ฟังในคลิปที่นายกรัฐมนตรีแถลงต่อสื่อ ให้เหตุผลในการแต่งตั้งพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร. เพราะสามารถตอบสนองนโยบายรัฐบาลได้ และเป็นที่ไว้วางใจของรัฐบาล ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้เป็นไปตามหลักกฏหมายของพ.ร.บ.ตำรวจ จึงมองว่าถ้าเป็นแบบนี้องค์กรนี้ก็ไม่ต้องใช้พ.ร.บ.ตำรวจฉบับนี้ ยืนยันที่มาร้อง ป.ป.ช. ในวันนี้ไม่ได้เป็นการไล่เช็คบิล แต่เป็นการรักษาระเบียบกฎหมาย และปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะมีการยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการข้าราชการตำรวจยกคณะหรือไม่ หลังมีมติคำสั่งออกจากราชการของพล.ต.อ.กิตติ์รัตน์ พันธุ์เพชร์ รอง ผบ.ตร. ที่รักษาราชการแทนในขณะนั้น มีคำสั่งให้พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กำลังพิจารณาอยู่ว่าคณะกรรมการข้าราชการตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร อย่างไรก็ตาม การที่นายกรัฐมนตรีที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า จะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ในคดีของตัวเองและคดีของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ว่า “เป็นแค่วาทกรรม หรือวลี” ยืนยันการมายื่นกล่าวหานายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีการโกรธเคืองเป็นการส่วนตัว แต่เนื่องจากนายกรัฐมนตรีทำผิดกฎหมาย ก็ต้องทำไปตามกฏหมาย ไม่เช่นนั้นองค์กรจะอยู่อย่างไร ส่วนวันนี้ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็น ผบ.ตร.ในอนาคต ซึ่งตนอาจถูกให้ออกจากราชการเลยก็ได้ แต่องค์กรยังมีอยู่ หากไม่ทำตามพ.ร.บ.ตำรวจฉบับนี้ ก็ต้องไปแก้พ.ร.บ.ตำรวจ ไม่ให้มีคุณสมบัติอาวุโสและความรู้ความสามารถ
