วันศุกร์, กันยายน 20, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight8 ปีนายกฯเริ่มปี 57'สุทิน'ชี้เป็นอื่นทำลายรธน.-ละเมิดพระราชอำนาจ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

8 ปีนายกฯเริ่มปี 57’สุทิน’ชี้เป็นอื่นทำลายรธน.-ละเมิดพระราชอำนาจ

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้ 8 ปีนายกฯ  เริ่มนับปี 57 ชี้ตีความเป็นอื่นย่อมทำลายหลักรัฐธรรมนูญ-ละเมิดพระราชอำนาจ

เมื่อวันที่ 6 ก.ย.65 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารตาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีการวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าศาลรัฐธรรมนูญมิอาจวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น นอกจากวินิจฉัยชี้ขาดให้ความเป็นนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงเนื่องจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบกำหนด 8 ปี ตามมาตรา 170 วรรคสอง และมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ 2560 เนื่องจากการดำรงตำแหน่งนายกฯ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเป็นไปตามประกาศพระบรมราชโองการเพื่อให้มีหน้าที่ และอำนาจในการบริหารประเทศ

นายสุทิน กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ตามพระบรมราชโองการลงวันที่ 24 ส.ค.57 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ และพระบรมราชโองการลงวันที่ 9 มิ.ย.62 อันเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 ที่บัญญัติให้ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตามมาตรา 2 และพระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 ซึ่งสืบเนื่องจากมาตรา 3 ที่กำหนดให้พระมหากษัตริย์ทรงพระราชอำนาจในการใช้อำนาจบริหาร ผ่านคณะรัฐมนตรี และแต่งตั้งนายกฯ อันเป็นพระราชอำนาจโดยแท้ ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ตามมาตรา 6

“เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงใช้พระราชอำนาจแต่งตั้งบุคคลใดเป็นนายกฯ แล้ว บุคคลนั้นย่อมเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ และบุคคลดังกล่าวมิอาจดำรงตำแหน่งเกินกว่าที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้พระราชอำนาจแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งภายใต้เงื่อนไขตามกำหนดระยะเวลาในมาตรา 158 ที่มิให้ดำรงตำแหน่งรวมกันเกินกว่า 8 ปีได้”

นายสุทิน กล่าวอีกว่า ประกอบกับบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 264 ได้บัญญัติ ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่ และให้นําความในมาตรา 263 วรรคสาม มาใช้บังคับแก่การดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีด้วยโดยอนุโลม อันเป็นการบัญญัติในลักษณะให้เกิดความต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เป็นนายกฯ และรัฐมนตรีต่อเนื่องตลอดไม่ขาดช่วง

นายสุทินยังได้หยิบยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2561 และ 7/2562 ขึ้นมาด้วยว่าวางหลักไว้ว่าการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2557 ให้ถือเป็นรัฐธรรมนูญ 2560 ตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 264 และเทียบกับคำวินิจฉัยที่ 24/2564 แล้ว จะเห็นว่าเมื่อรัฐธรรมนูญใช้บังคับเมื่อใด แม้ลักษณะต้องห้ามของการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของ นายสิระ เจนจาคะ กรณีถูกพิพากษาอันถึงที่สุดว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตจะเกิดขึ้นก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับ แต่ยังอยู่ในบังคับที่ต้องสิ้นสุดความเป็น ส.ส.ทันที และมิใช่เรื่องโทษทางอาญาที่จะบังคับย้อนหลังไม่ได้ แต่เป็นเรื่องของกฎหมายมหาชนที่เกี่ยวกับเรื่อง การเข้าสู่ตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องเป็นไปตามกฎหมายบัญญัติ

ยกตัวอย่างกรณีของกรรมการในองค์กรอิสระที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 ได้มีบทเฉพาะกาลตามมาตรา 273 ที่บัญญัติให้การอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ได้เพียงใดให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เช่น กรณีของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดเดิมที่ต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2560 ให้พ้นจากตำแหน่ง ส่วนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดเดิมที่ยังไม่ครบวาระก็ยังคงดำรงตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และยังได้สิทธิดำรงตำแหน่งเท่าเดิมคือ 9 ปี มิใช่ 7 ปีตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ที่อาศัยอำนาจตามบทเฉพาะกาลมาตรา 273 ของรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ดำรงตำแหน่งต่อไปตามระยะเวลาดำรงตำแหน่งเดิม เป็นต้น

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยสรุปในตอนท้ายว่า กรณีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งนายกฯไม่มีข้อยกเว้นในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายใดที่จะมิให้นับระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นเมื่อนับถึงวันที่ 23 ส.ค.65 พล.อ.ประยุทธ์ จึงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีแล้ว เมื่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อย่างชัดเจน จึงมิอาจอ้างเหตุใดเพื่อใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยไปในทางอื่นได้ แต่หากองค์กรใด บุคคลใด จะตีความหรือวินิจฉัยไปในทางที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ย่อมเป็นผู้ทำลายหลักความสูงสุดของรัฐธรรมนูญ และล่วงละเมิดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img