‘พิธา’ แถลงก่อนศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำนิจิฉัยยุบพรรคก้าวไกล ช มั่นใจไม่ซ้ำรอยอนาคตใหม่ ยืนยัน ไม่ได้รับสัญญาณลับ หลับเต็มอิ่ม ร่วมสังสรรค์ สส.ชื่นมื่น ไม่ถือโทษนักวิชาการฟันธงถูกยุบเหตุสถิติ 18 ปี ยุบแล้ว 33 พรรค
เมื่อวันที่7ส.ค. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล ในช่วงเวลา 15:00 น.นี้ว่า เมื่อคืนนี้นอนหลับครบ 8 ชั่วโมงเต็ม ไม่รู้สึกเครียดอะไร โดยวันนี้มาประชุมสภาฯ เพื่อที่จะเตรียมอภิปรายเกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางบก แต่ดูเวลาแล้วอาจจะไม่ทัน เพราะต้องเดินทางไปรับฟังคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ
ตอนนี้มีอีกหนึ่งเรื่องที่ห่วง คือการบริหารจัดการน้ำ ก็เข้าใจว่ารัฐบาล คิกออฟไปแล้วเมื่อ 1-2 วันก่อน แต่ประเทศเราหน้าแล้งขนน้ำไปหาคน หน้าฝนขนคนหนีน้ำตลอดเวลา จึงจะใช้โอกาสในการปรึกษาหารือในช่วงก่อนเข้าช่วงวาระกฎหมาย เพราะน้ำท่วมไปแล้ว 37 จังหวัด การเยียวยาล่าช้า ประชาชนไม่มีเงินที่จะหมุนทัน จึงอยากที่จะเร่งรัดรัฐบาล และใช้โอกาสนี้ในการเป็นปากเป็นเสียงให้กับพี่น้องประชาชน
ส่วนการเตรียมการหลังจากนี้ของพรรคก้าวไกล หลังมีคำตัดสินคดียุบพรรค นายพิธา ระบุว่า ยังไม่มีการเตรียมการอะไรเป็นพิเศษ ยังคงใช้ตารางงานตามปกติ หากพรุ่งนี้มีการถามกระทู้ ก็น่าจะเป็นผู้นำฝ่ายค้านถามนายกรัฐมนตรีที่ครบรอบ 1 ปีในการทำงาน และมีอะไรที่จะเสนอแนะรัฐบาลบ้าง ซึ่งส่วนตัวก็ยังทำงานตามปกติ แต่หากในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมาแล้วผลเป็นคุณกับพรรคก้าวไกล เราก็ยังแผนงานอยู่ดี ในช่วงเสาร์ – อาทิตย์นี้ก็ยังลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี และยังทำงานทางการเมือง ในฐานะที่เป็น สส. แต่ถ้าเป็นพลเมืองก็ทำงานการเมืองได้
ทั้งนี้ยังมั่นใจแนวทางในการต่อสู้ ยังมั่นใจในข้อเท็จ และยังมั่นใจในข้อกฎหมาย และคิดว่าจะได้รับความเป็นธรรมในบ่ายวันนี้ แต่ตอนนี้เวลายังไม่ถึง ขอทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรให้สมกับที่ประชาชนเลือกมาก่อน” นายพิธา กล่าวและว่าตอนนี้ยังไม่ได้เช็คสัญญาณอะไร เพราะก่อนไปก็เลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อน สส. จนวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะขึ้นปราศรัยได้หรือไม่ ส่วนบรรยากาศการประชุม สส. เมื่อวานนี้ เรายังมีความเป็นเอกภาพ ความสมัครสมานสามัคคี และเราก็รู้สึกไม่กังวล แต่ก็ไม่ประมาท และยังมั่นใจว่าพรรคเรายังไปต่อได้แน่นอน
ส่วนกระแสการซื้องูเห่า หากพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคนั้น นายพิธา กล่าวว่าตนเองก็มีโอกาสได้เห็นหลักฐานบ้างจากหลาย ๆ พรรค บ้างก็มาเป็นจำนวนเงิน หรือบางอันก็มาเป็นตำแหน่งในพรรค เช่น เสนอแลกกับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค แต่ สส.ของพรรคก็นำมาให้ดู และยืนยันว่า ยินดีที่จะเดินทางต่อกับพรรคแน่นอน เงิน และตำแหน่งซื้อเขาไม่ได้ เพราะมันคือความไว้วางใจที่ประชาชนให้มา และจะไม่เอาไปแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัว จึงทำให้ตนเองมั่นใจ แต่ก็ให้ประชาชนได้รู้ว่า มันมีการเมืองใต้เข็มขัด มันมีการเมืองสกปรกอย่างนี้อยู่จริง ๆ ในบ้านเมืองเราในช่วงเวลาแบบนี้
นายพิธา กล่าวต่อว่าตนเชื่อว่าพวกเขาทำไปเพื่อที่จะสร้างอนาคตให้เป็นแบบนั้น แต่หากเราไม่ยอมซะอย่าง อนาคตก็จะเป็นไปอย่างที่เราต้องการที่จะให้เป็น และไม่ใช่แค่อุดมการของพรรคเพียงอย่างเดียว แต่มันคือนโยบายของพรรค และความเชื่อใจของของประชาชน ซึ่งตนเองก็เชื่อมั่นในตัวของ สส. ทุกคน เพราะเป็นสิ่งที่เราถามผู้สมัครทุกคนว่าทำไมถึงอยากมาเล่นการเมือง และทำไมต้องมากับพรรคก้าวไกลในสมัยนี้ ซึ่งด้วยความที่เราย้ำแล้วย้ำอีก เขาก็คงจะมีความเชื่อมั่นเชื่อใจ และจำได้อยู่เสมอว่ามาทำการเมืองเพราะอะไร ส่วนคนที่มาเสนอซื้อตัว สส.ใช่คนเดียวกับที่นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ก้าวไกลแฉหรือไม่ นั้น คิดว่ามีมากกว่านั้น
นายพิธา ยืนยันยังมั่นใจในข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายในสิ่งที่ทำไป และทำทุกอย่างเต็มที่ จึงไม่ได้กังวลอะไร และไม่ได้คิดอะไรล่วงหน้า เพราะงานที่ต้องทำตอนนี้คือการมีสมาธิในการประชุมสภาฯ รวมถึงเรื่องพรรคสำรองตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลา ขอโฟกัสที่เรื่องการประชุมสภาฯ ก่อน และคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในช่วงบ่ายวันนี้
ส่วนรู้สึกเสียกำลังใจหรือไม่ ที่นักวิชาการวิเคราะห์ว่าผลคำตัดสินจะเป็นลบกับพรรคก้าวไกล นายพิธา กล่าวว่า ก็ไม่ได้รู้สึกถือโทษโกรธใคร เพราะตามสถิติตั้งแต่ปี 2549 มี 33 พรรคที่ถูกยุบตั้งแต่พรรคไทยรักไทยไปจนถึงพรรคอนาคตใหม่ รวมแล้วกว่า 249 คน ฉะนั้นใครที่เป็นนักสถิติหรือนักวิชาการก็อาจจะรู้สึกอย่างนั้น แต่อย่างไรก็ตามยังเป็นข้อเท็จจริงที่ดีว่ามี 1 พรรคที่รอด คือ พรรคประชาธิปัตย์ ที่รอดด้วยว่า กกต. ทำคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงคล้ายกับข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกลที่มีอยู่ตอนนี้ พอกกต. ไม่ได้ทำตามระเบียบของตนเอง ไม่ได้เปิดให้มีสิทธิ์รับทราบข้อกล่าวหาหรือได้ชี้แจง และยังยืนยันในคำแถลงในคำโปร่งใสที่ให้กับพี่น้องประชาชน ปละสื่อมวลชนมาโดยตลอดและยังมั่นใจว่าไม่ซ้ำรอยประวัติศาสตร์
