กรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งขยายซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ หวังกระจายสินค้าดีมีคุณภาพ สู่ผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์โควิด – 19 ระบาด พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าจากซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ผ่านระบบออนไลน์
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยถึงความก้าวหน้าของโครงการซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ ว่า เป็นนโยบายที่น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ต้องการสนับสนุนเกษตรกรให้มีแหล่งจำหน่ายผลผลิตพืชผักที่สดสะอาด ปลอดภัย รวมถึงสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ผลิตในชุมชน โดยผลักดันให้สหกรณ์การเกษตรหรือสหกรณ์ร้านค้าในแต่ละจังหวัดเข้าร่วมโครงการซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ จัดมุมจำหน่ายสินค้าและผลผลิตที่รับซื้อจากสมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่วางจำหน่าย
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา มีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ 94 แห่ง ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์อย่างน้อย 1 แห่ง กรมฯได้ประสานกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาให้คำแนะนำด้านการดำเนินธุรกิจ อบรมความรู้การคัดสรรสินค้าและผลผลิตที่จะนำมาวางจำหน่าย วิธีการจัดวางสินค้า และพัฒนาการให้บริการ และเกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างสหกรณ์ผู้ผลิตสินค้ากับสหกรณ์ผู้จำหน่ายปลายทาง 170 แห่ง ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบสหกรณ์เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา กว่า 86 ล้านบาท
“กรมส่งเสริมสหกรณ์พยายามผลักดันให้มีซูเปอร์มาร์เก็ตสหกรณ์กระจายไปในทุกจังหวัด เพื่อเป็นจุดจำหน่ายสินค้าเกษตรของสหกรณ์ที่มีคุณภาพ โดยจะนำสินค้าของเกษตรกร ทั้ง ข้าวสาร นม ไข่ไก่ ผลไม้ อาหารแปรรูป พืชผักปลอดสารพิษ ส่งมาจำหน่ายให้ผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด – 19 ขณะนี้ จะขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าจากซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าและผลผลิตที่มีคุณภาพของสมาชิกสหกรณ์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น” รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ โครงการซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์เป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก สนับสนุนให้ประชาชนได้เข้าถึงสินค้าเกษตรที่มีความสดสะอาดปลอดภัยได้ในราคาที่ธรรมอย่างทั่วถึง และสอดรับกับนโยบายการตลาดนำการผลิต โดยดำเนินการผ่านเครือข่ายและความร่วมมือกันระหว่างสหกรณ์ผู้ผลิตกับสหกรณ์ปลายทาง ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนและเพิ่มช่องทางกระจายผลผลิตการเกษตรที่มีคุณภาพในแต่ละภูมิภาคได้มากยิ่งขึ้น และในปี 2564 นี้คาดว่าจะมีร้านค้าสหกรณ์สมัครเข้าร่วมโครงการนี้อีกกว่า 157 แห่ง ซึ่งจะทำให้มีซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ตั้งอยู่ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ