‘ณัฐชา’ สวน ‘ธรรมนัส’ เอาอะไรมามั่นปราบ ‘หมอคางดำ’ อยู่หมัด ถามสถานการณ์จริงระบาดกว่าเดิม ไม่เขินบ้างเหรอ เตือนอย่าให้ข้อมูลแบบใจดีสู้เสือ ของจริงชาวบ้านจับได้พรี่บ แนะต้องกล้าหาญ จับตัวการมาเอาผิดให้ได้
วันที่ 6 ส.ค.67 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย กล่าวถึงกรณีที่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำว่า เอาอยู่ สถานการณ์ดีขึ้นโดยเทียบกับกรณีตั๊กแตนปาทังก้าที่คนจับมาทำอาหาร จนตอนนี้หลายพื้นที่ชาวบ้านเริ่มบ่นปลาหมอคางดำเริ่มหายาก และขอเวลาจัดการหนึ่งเดือน ว่าอย่าทำใจดีสู้เสือ เพราะเคยลงพื้นที่ด้วยกันย่อมรู้สถานการณ์ดี แต่เหตุที่แสดงท่าทีเช่นนี้เพราะต้องการเบี่ยงเบนอารมณ์สังคมที่ต้องการทราบความจริงเกี่ยวกับต้นตอการระบาดครั้งนี้ใช่หรือไม่
“สถานการณ์ดีขึ้นจริงหรือไม่ ผมคิดว่าให้เกษตรกรหรือชาวประมงเป็นคนพูดเองจะดีกว่า เพราะท่านเป็นรัฐมนตรีที่มีหน้าที่ปราบปรามโดยตรง ย่อมไม่แปลกที่จะต้องเห็นอะไรดีขึ้นไปหมด เพียงแต่ท่านไม่รู้สึกเขินบ้างเลยเหรอ เพราะสถานการณ์จริงพี่น้องประชาชนกำลังเผชิญมันไม่เหมือนกับที่ท่านพูดแน่ๆ ของจริงในแหล่งน้ำธรรมชาติ ใครบอกหาไม่ได้จะพาไปชี้เป้า ส่วนบ่อกุ้ง บ่อปู ตอนนี้เจ๊งกันหมดแล้ว ข่าวลงทุกวันลงทุนไปหลายแสนจับขึ้นมาในบ่อมีแต่ปลาหมอคางดำ ถามหน่อยใครจะรับผิดชอบความเสียหายให้พวกเขา ตอนนี้มาตรการเยียวยาชัดเจนยังไม่มีแล้วบอกเอาอยู่ได้อย่างไร
“ยิ่งท่านบอกขอเวลาหนึ่งเดือน ผมไม่เชื่อครับ เพราะให้เวลามาจะครบปีแล้ว เอาอะไรมามั่น ท่านไม่ต้องไปเทียบกับกรณีปาทังก้า มันคนละบริบทกัน ปลามันอยู่ในน้ำ มันซ่อนในโคลน อมไข่ไปด้วยท่านมองไม่เห็น รอดไปหนึ่งตัวแพร่พันธุ์ร้อยตัว ตายสิบเกิดแสน ไม่ได้บินเป็นฝูงให้เห็นชัดเหมือนตั๊กแตน จับมาทอดกินหมดฝูงก็หมดไม่ทันได้วางไข่ แต่นี่มันแพร่พันธุ์ได้ง่ายโดยไม่มีผู้ล่าและกระจายไปตามลำน้ำต่างๆทั่วประเทศ
“เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ผมจึงอยากขอร้องอย่าให้ข้อมูลแบบใจดีสู้เสือ เพราะถ้าท่านทำได้จริงคงเห็นผลงานตั้งแต่ผมตั้งกระทู้ถามในสภาเมื่อปีก่อนแล้วครับ ท่านรับคำขึงขัง ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ โอเคมีการขยับขับเคลื่อนจริงครับ แต่ขนาดตอนนั้นสถานการณ์ยังไม่รุนแรงเท่าตอนนี้ ปัญหาจำกัดแค่โซนลุ่มน้ำสมุทรสาครและพื้นที่ใกล้เคียง ท่านยังคุมไม่ได้ ตอนนี้เท่าที่เห็นท่านก็ยังคงใช้วิธีการเดิมๆที่ไม่ได้ผลมาทำต่อ นอกจากงบที่มากขึ้น อย่างอื่นไม่เปลี่ยน โดยที่สถานการณ์ที่การระบาดขยายตัวกระจายไปทั่วประเทศ วิธีเดิมแต่คาดหวังผลลัพธ์เปลี่ยน ผมไม่เชื่อครับ”
นายณัฐชา กล่าวต่อไปว่า หน้าที่ท่านที่ควรควรทำอย่างจริงจังและขมักเขม้นในเวลานี้ คือประกาศความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่าจะลากตัวต้นตอสาเหตุผู้กระทำความผิดทำลายระบบนิเวศของประเทศไทยและทำลายสิ่งแวดล้อมไปอย่างมหาศาลขนาดนี้มารับผิดชอบให้ได้ ต้องประกาศความมั่นใจไปเลยว่าจับตัวได้แน่แบบนี้ถึงจะเป็นภารกิจหน้าที่ของท่านอย่างแท้จริง ยิ่งก่อนนี้ท่านตั้งคณะกรรมการค้นหาความจริง ขีดเส้นไว้ 7 วัน ตอนนี้ผ่านมาเกือบครึ่งเดือนแล้วเรื่องยังเงียบ คณะกรรมการหายจ้อย ทั้งที่มีข้อมูลบ่งชี้เต็มไปหมดว่ามีการนำเข้ามาโดยเอกชนเจ้าเดียว ดีเอ็นเอก็บ่งชี้ต้นตอเดียวกัน
“ถ้าเรื่องนี้ยังทำให้กระจ่างเพื่อหาต้นตอวิกฤตมารับผิดชอบไม่ได้ ก็ยากจะเชื่อว่าท่านจะรับมือเรื่องนี้ได้ การที่ท่านสื่อสารด้วยท่าทีที่บอกว่าเป็นสถานการณ์เล็กๆรับมือได้ เหมือนท่าทีทั้งหมดของรัฐบาลชุดนี้ที่สื่อสารไปในทางเดียวกัน เป็นเพราะกำลังปกป้องหรือออกรับแทนใครหรือเอกชนรายใดหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็ช่วยทำความจริงให้กระจ่างตามที่เคยรับปากไว้ด้วย
“ในทางกลับกัน หากท่านทำเรื่องนี้สำเร็จท่านจะสามารถเปลี่ยนวิกฤตนี้สู่วีรบุรุษได้ แน่นอนว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายช่วงอายุรัฐมนตรีย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยความกล้าหาญในฐานะนักการเมืองที่ประโยชน์ของพี่น้องประชาชนต้องมาก่อนสิ่งใดทั้งหมด ดังนั้น หากเรื่องนี้จบได้ในสมัยท่านอย่างเต็มรูปแบบ ชื่อของท่านจะถูกจารึกไว้ในใจประชาชน แต่ถ้าไม่ผลก็เป็นอีกทาง อย่างไรก็ตาม ผมต้องขอย้ำอีกครั้งว่า สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือต้องหาตัวการต้นตอมารับผิดชอบให้ได้ อย่าปล่อยเงียบเหมือนคราวกรณีหมูเถื่อน” นายณัฐชา ระบุ