“นักลงทุนสถาบัน-ต่างชาติ-บัญชีบล.”ทิ้งหุ้นไทยกดดัชนีร่วง

หุ้นไทยปิดร่วง 7.89 จุด สอดรับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปิดแดงยกแผง คาดมูลค่าซื้อขายพรุ่งนี้เบาบาง ระหว่างรอตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯเดือนก.ย. ประเมินกรอบพรุ่งนี้ 1,554-1,570 จุด

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,562.68 จุด ลบ7.89 จุด หรือ-0.50% โดยระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 1,569.13 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,559.22 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51,876.61 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดร่วงตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปิดแดงยกแผง จากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวผลพวงจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ 

นอกจากนี้การที่สหรัฐฯออกมาตรการดยถูกกดดันจากกรณีที่สหรัฐออกมาตรการจำกัดอุตสาหกรรมการผลิตชิปจีนรอบล่าสุด เพื่อชะลอความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและทหารของจีนนั้นได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นไต้หวันปรับตัวลง 4.3% ฮ่องกง 2.2% ส่วนญี่ปุ่นลง 2.6% 

ส่วนหุ้นที่กดตลาดในวันนี้เป็นหุ้น MAKRO -3.5%, CPALL -1.3%, CPN -3.1% หลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงมาก่อนหน้านี้ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมา  ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในวันนี้เบาบาง  เนื่องจากใกล้สู่โหมดวันหยุดยาว

ด้านมูลค่าการซื้อขายวันนี้พบว่า สถาบันในประเทศขายสุทธิ 481.11 ล้านบาทบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ -313.54  ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ -363.98 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 1,158.63 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามการรายงานผลประชุม fed minutes ตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯเดือนก.ย.คาดว่าจะโต 8.1% YOY จากเดือนส.ค.อยู่ที่ 8.3% ซึ่งตรงกับวันที่ 13 ต.ค. เป็นวันหยุดทำการในไทย  ถ้าเงินเฟ้อมากกว่าตลาดคาดจะกดตลาดหุ้น เนื่องจากจะเป็นตัวเร่งให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย  แต่ถ้าต่ำกว่าคาดก็จะทำให้หุ้นฟื้นตัวกลับ  อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นนักลงทุนต่างประเทศหันไปลงทุนในสหรัฐฯทำให้ดอลลาร์แข็งค่า  มองกรอบการเคลื่อนไหวพรุ่งนี้ 1,554-1,570 จุด