วันอาทิตย์, มิถุนายน 16, 2024
หน้าแรกHighlight‘เศรษฐา’เมินพรรคอื่นวิจารณ์‘เงินดิจิทัล’ สวนกลับ‘เราไม่ได้บอกจะขึ้นภาษีสักคำ’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘เศรษฐา’เมินพรรคอื่นวิจารณ์‘เงินดิจิทัล’ สวนกลับ‘เราไม่ได้บอกจะขึ้นภาษีสักคำ’

เศรษฐา’ เมินพรรคอื่นวิจารณ์นโยบายดิจิทัล ยันไม่ได้บอกจะขึ้นภาษีสักคำ ย้ำเงิน 5 แสนล้าน จะก่อให้เกิดภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นไปตามก.ม.เดิม

เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่จ.ลำปาง นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทว่าอาจเป็นภาระหนี้สินของประเทศ ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จะช่วยขยายความออกไปเรื่อยๆ นโยบายนี้ตนคิดว่าโดน ฉะนั้นพรรคการเมืองอื่นๆ ก็คงไม่พูดกัน จริงๆ เราต่อสู้กับความลำบากของพี่น้องประชาชน หากจะใช้คำว่าหยอดน้ำข้าวต้มทีละ 500 บาท หรือทีละ 1,000 บาท ตนคิดว่าไม่ใช่ ส่วนที่เราบอกว่าเป็น 1 หมื่นบาท เพราะเป็นอะไรที่สามารถยกเราออกจากความยากจนได้ เรื่องรีดภาษีนั้นไม่มี เราไม่ได้บอกว่าเราจะขึ้นภาษีสักคำ เรามีการจัดการบริหารที่ชัดเจน วานนี้ (8 เม.ย.) ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ได้เรียกข้อมูลเพิ่มเติมจากพรรคเราไป คณะกรรมการบริหารฝ่ายกฎหมาย และฝ่ายเศรษฐกิจ ก็ได้รวบรวมข้อมูล ซึ่งตนเข้าใจว่าได้นำส่งกกต.แล้ว หากกรณีที่กกต.ยังสงสัย เราก็พร้อมชี้แจง เพื่อที่พี่น้องประชาชนจะได้ไม่ต้องมีข้อกังขาอะไร

เมื่อถามว่า การใช้งบประมาณ 5 แสนล้านบาท จะเป็นการเพิ่มภาระหนี้สินให้กับประเทศหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องดูสัดส่วนของหนี้ต่อจีดีพีเป็นหลัก ซึ่งพรรค พท. จะพยายามคงไว้ในระดับปัจจุบัน แต่อย่าลืมว่าหนี้ของประเทศโตขึ้นก็จะทำให้จีดีพีโตขึ้นด้วย ส่วนจำนวนเงินที่พรรค พท. วางไว้สำหรับนโยบายนี้ ไม่ได้เป็นการเพิ่มหนี้สิน ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้เงินเข้าสู่ระบบอีก 5 แสนล้านบาท เงินส่วนนี้จะก่อให้เกิดภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายเดิม ยืนยันว่าไม่มีการขึ้นภาษี และจะทำให้ประชาชน ร้านค้า และภาคอุตสาหกรรมมีการซื้อขายและผลิตสินค้ามากขึ้น ซึ่งจะทำให้อัตราภาษีนิติบุคคลเพิ่มมากขึ้น เราคงภาษีเท่าเดิม แต่จัดเก็บภาษีได้เพิ่มมากขึ้น

ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า งบประมาณปี 67 ได้มีการกำหนดไว้แล้วที่ 3.5 ล้านล้านบาท ซึ่งพรรค พท.ยังคงใช้งบประมาณในกรอบนี้ ไม่มีการกู้เพิ่ม จึงไม่เป็นการเพิ่มภาระหนี้ตามที่มีการกล่าวหา และยืนยันว่าไม่ได้เป็นการรีดภาษีและขยับอัตราภาษี แต่เป็นการขยายฐานภาษี เพื่อให้จัดเก็บภาษีเข้ารัฐได้มากขึ้น พร้อมถามกลับว่าลักษณะแบบนี้เรียกว่ารีดภาษี แล้วการปล่อยปละละเลย บิดเบือน บิดเบี้ยวให้คนกลุ่มหนึ่งไม่เสียภาษีแบบนี้เรียกว่าอะไร.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img