วันจันทร์, มิถุนายน 17, 2024
หน้าแรกNEWSนายกฯหารือผู้บริหารบริษัท DKSH Holding AG เผยยินดีเปิดรับทุกบริษัท
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯหารือผู้บริหารบริษัท DKSH Holding AG เผยยินดีเปิดรับทุกบริษัท

นายกฯหารือผู้บริหารบริษัท DKSH Holding AG  เผยได้มีการทำการค้าร่วมกันมามากกว่า 120 ปี และมีความเข้าใจในการทำธุรกิจในไทย พร้อมเชิญชวนบริษัท DKSH ย้ายฐานการผลิตลงทุนในไทย ยินดีเปิดรับทุกบริษัท ยันไทยมีความพร้อมเรื่องติดตั้งสถานีชาร์ทไฟรถอีวี 

เมื่อเวลา 09.30 น. (ตามเวลานครซูริก ห่างกับประเทศไทย 6 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวภายหลังพบหารือกับนาย Stefan Butz, CEO บริษัท DKSH Holding AG  ว่า เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2449 (ค.ศ. 1906 )ซึ่งประมาณ 120 ปีที่ผ่านมา ถือว่ายาวนานมากและเป็นบริษัทที่มีเชื้อชาติสวิตเซอร์แลนด์ แต่รายได้ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองไทย และมีการจ้างงานคนไทยกว่า 10,000 คน มีพนักงานที่เป็นสุภาพสตรี 55% ก็ถือว่าสูงมาก  นอกจากนี้ ยังเป็นบริษัทที่ทำมาค้าขายในเมืองไทยเป็นเวลานานมาก ซึ่งธุรกิจที่เขาจำหน่ายเป็นสินค้าประเภทเวชภัณฑ์ อุปโภคบริโภค แบรนด์ใหญ่ใหญ่อย่าง เช่น  ครีมนิวเวีย เป็นต้น ทั้งนี้ เขาทำธุรกิจมานานจึงมีความเข้าใจการทำธุรกิจในเมืองไทย แต่ในระยะหลังประสบปัญหาหนักมาก ซึ่งก็เป็นหนึ่งในปัญหาของคนไทย เพราะเขานำเข้ายาและเป็นตัวแทนนำเข้ายาใหญ่ๆหลายประเภท จากหลายบริษัท ซึ่งก็เป็นที่ทราบดีอยู่แล้ว ว่าบริษัทยาในปัจจุบันมีการพัฒนาสินค้าเยอะมาก  เพราะขณะนี้มีโรคระบาดใหม่เกิดขึ้น ดังนั้นการนำเข้ายาจะต้องได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (อย.) ซึ่งอย.ก็มีความเข้มงวด  หากอย.อนุมัติแล้วก็ต้องไปองค์การส่วนท้องถิ่น ซึ่งทำให้คนไทยเสียเปรียบ ไม่ได้รับยาที่มีคุณภาพ 

นายกฯ กล่าวต่อว่า ตนก็รับปากไปว่าจะดูให้ในตรงจุดนี้ เพราะคนที่เสียประโยชน์คือคนไทย หากยาเข้ามาเร็วเราก็จะสามารถดูแลรักษาคนไทยให้เร็วขึ้นได้  โดยบริษัทดังกล่าวถือว่าเป็นกองเชียร์สำคัญของ ประเทศไทย ซึ่งตนอยากให้ย้ายโรงงานมาอยู่ที่ประเทศไทย ยกตัวอย่างเช่นโรงงานผลิตนิวเวีย ซึ่งถือเป็นครีมบำรุงผิวที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประเทศไทย  เขาก็จะไปพูดคุยและเชื้อเชิญ  ตนก็บอกไปว่ายินดีจะไปพบและพูดคุย หากสนใจที่จะมาเปิดฐานการผลิตที่ประเทศไทย โดยหากมีข้อข้องใจหรือเสนอแนะด้านใดตนยินดีไปพบ เพราะจุดประสงค์ใหญ่ของเราคือให้ หลายบริษัทใหญ่ๆย้ายถิ่นฐานมาผลิตในไทย  เช่น เรื่องยา เพราะเรามั่นใจว่าเรามีบุคลากรพร้อม มีมาตรการภาษีพร้อม ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีในเมืองไทย ซึ่งการพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดี ทางบริษัทดังกล่าวได้มอบหนังสือ โดยหนังสือหน้าปกทำมาจากผ้าไหมไทย แสดงให้เห็นว่า เขาให้เกียรติและชื่นชมคนไทย ซึ่งตนเองเห็นแล้วสวยมาก 

นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เขายังพูดว่าเวลาไปเยี่ยมโรงงานที่ไทยใช้กระดาษเยอะมาก ซึ่งเขาเองก็บอกว่าควรจะพัฒนาไปยังเอกสารอีเล็กทรอนิก หรือ E – Document ซึ่งตนได้ให้ความสบายใจไปว่า เรา กำลังทำเรื่องนี้อยู่  ทั้งนี้ จากการพูดคุยบริษัทดังกล่าวต้องใช้รถขนสินค้าจำนวนมาก เขาจึงอยากเปลี่ยน รถขนส่งของเขาทั้งหมดเป็นรถไฟฟ้า ซึ่งตนก็ดีใจ แต่เขาเป็นห่วงเรื่อง การติดตั้งที่ชาร์จมีเพียงพอหรือไม่ ซึ่งตนก็รับปากไปว่าเรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เพราะเราดูอยู่ จากการที่เราจัดงานมอเตอร์โชว์ล่าสุด 40% ของรถ ที่ขายได้เป็นรถอีวีทั้งหมด ซึ่งตนได้บอกไปว่า เชื่อว่าการติดตั้งที่ชาร์จตามสถานีต่างๆทั่วประเทศ จะดำเนินการได้เร็วมาก ซึ่งเขาก็เชื่อมั่นในเรื่องนี้  นอกจากนี้บริษัทดังกล่าวยังทำเรื่องโลจิสติกส์ ซึ่งได้พูดคุยกัน โดยตนได้ฝากเรื่องแลนด์บริด์จไปด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายกฯได้โพสข้อความผ่าน โซเชียลมีเดียส่วนตัวระบุว่า ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวนอกสถานที่ถึงความตั้งใจของการเดินทางมาประชุม WEF ครั้งนี้ และการเตรียมหารือเอกชนยักษ์ใหญ่อีก 8 รายครับ โดยรัฐบาลต้องการส่งเสริมการค้าการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในเรื่องการเปลี่ยนผ่านพลังงาน อุตสาหกรรม EV เศรษฐกิจดิจิทัล ความเชื่อมโยงผ่านโครงการ Landbridge ตลอดจนบทบาทของไทยและอาเซียนด้วย  อุณหภูมิเช้านี้ -5 องศาเซลเซียส แต่ความตั้งใจของพวกเราเกินร้อยครับ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img