’นายกฯพอใจความสำเร็จประชุม ‘World Economic Forum ‘ เชื่อว่าเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล แม้ว่าการพบปะทั้ง 19 วงประชุม จะค่อนข้างแน่น แต่ไม่รู้สึกเหนื่อย รู้สึกว่ากระชับ ได้ประโยชน์ และใจความตลอด
เมื่อเวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส ซึ่งช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง) วันที่ 18 ม.ค.ที่ศูนย์ประชุม Congress Centre เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือ World Economic Forum ( WEF ) ว่าได้ส่งข้อความถึงทั่วโลกว่า ประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับทุกมิติ ทั้งการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ การลงทุนข้ามประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ประชุมเสร็จสิ้นแล้ว 19 วงประชุม แบ่งเป็นการสัมมนา การพบปะภาคเอกชนต่างๆ และทวิภาคีกับบุคคลสำคัญ ทั้งประธานาธิบดีสมาพันธรัฐสวิส นายกรัฐมนตรีเบลเยี่ยม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายกรัฐมนตรีเวียดนาม โดยได้พูดคุยเรื่องการค้า และขั้นตอนอื่นๆ ซึ่งการพูดคุยทำให้มีความชัดเจนที่จะนำไปปฏิบัติต่อไป ส่วนการพบปะกับภาคเอกชน ทั้งบริษัท COCA COLA และDubai World รวมถึงนักธุรกิจชั้นนำของโลกคนอื่นๆ เช่น นักธุรกิจชาวอินเดีย (Adani Group) มีความเชี่ยวชาญด้านท่าเรือและสนามบิน เป็นเรื่องที่ไทยสามารถนำไปต่อยอดได้อีกมาก
นายกฯ กล่าวย้ำ การเดินทางมาครั้งนี้เชื่อว่าเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล แม้ว่าการพบปะทั้ง 19 วงประชุม จะค่อนข้างแน่น แต่ไม่รู้สึกเหนื่อย รู้สึกว่ากระชับ ได้ประโยชน์ และใจความตลอด ซึ่งวันนี้ยังต้องดำเนินภารกิจต่อ และในโอกาสที่ได้พบปะหารือกับผู้บริหารของ WEF ได้แจ้งว่าการเดินทางมาประชุมในครั้งนี้เป็นประโยชน์เป็นอย่างมาก โดยในปีหน้าก็จะมาร่วมการประชุมอีก ซึ่งวันนี้จะต้องปฏิบัติภารกิจอีก 4 การประชุม ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
นอกจากนี้ เมื่อเวลา 10.10 น.นายกฯโพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า “ความหวังของผม คือ การได้บริษัทใหญ่มาลงทุนเปิด Data Center ในประเทศ ให้ไทยเป็นศูนย์กลาง Data Center ของภูมิภาคจังหวะได้พบ Mr. Bill Gates ผมจึงไม่พลาดโอกาสที่จะนำเสนอศักยภาพของประเทศ และความเป็นไปได้ในการเปิด Data Center ของ Microsoft ในไทย ตามที่ผมได้เคยพูดคุยกับ Mr. Satya Nadella CEO คนปัจจุบันไปแล้วที่ซานฟรานซิสโก”
จากนั้นเวลา 16.00 น.นายกฯ ยังโพสต์ข้อความผ่าน X อีกด้วยว่า “ดีใจที่บริษัท Nestle เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นระยะเวลานาน และเป็นบริษัทฯ ที่ผู้บริโภคไทยให้ความไว้ใจ ปัจจุบันบริษัทฯ ต้องการขยายการผลิตอาหารสัตว์ที่มีความต้องการสูง โดยจะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิต และการส่งออก เพราะมีความพร้อมในด้านภูมิศาสตร์การขนส่ง และพร้อมในด้านวัตถุดิบการผลิต แต่ตอนนี้ยังติดปัญหากรอบความร่วมมือทางการค้า FTA ซึ่งไทยยังมีไม่ครอบคลุม รวมถึงปัญหาในเรื่องข้อจำกัดทางกฎหมาย และขั้นตอนในการนำเข้าส่งออกที่มีหลายขั้นตอนที่ทับซ้อน”
“ผมบอกว่า รัฐบาลมีนโยบายเรื่อง Ease of doing business ซึ่งผมพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น จะมี Single form พร้อมประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึง BOI ที่จะเร่งรัดเรื่องนี้” นายกฯระบุ.
