วันอาทิตย์, มิถุนายน 30, 2024
หน้าแรกNEWSนายกฯชื่มชมโครงการท่าวังผาโมเดล ต้นแบบการบูรณาการจัดการปัญหายาเสพติดในพื้นที่
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯชื่มชมโครงการท่าวังผาโมเดล ต้นแบบการบูรณาการจัดการปัญหายาเสพติดในพื้นที่

นายกฯตรวจเยี่ยมการบำบัดรักษา และฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด ณ มณฑลทหารบกที่ 38 ขอให้ผู้บำบัดเข้มแข็ง กลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ชื่มชมโครงการท่าวังผาโมเดล ต้นแบบการบูรณาการจัดการปัญหายาเสพติดในพื้นที่

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 27 มิ.ย. 67 ณ มณฑลทหารบกที่ 38 (ค่ายสุริยพงษ์) ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด ณ มณฑลทหารบกที่ 38 (ค่ายสุริยพงษ์) โดยมี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.), นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตํารวจแห่งชาติ, พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก, พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.วิทยา แก้วพรม รองแม่ทัพภาคที่ 3 และพล.ต.ต.ดเรศ กัลยา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ร่วมด้วย

นายกฯ รับฟังบรรยายสรุปจากพล.ต.วิทยา แก้วพรม รองแม่ทัพภาคที่ 3 ถึงแผนฟื้นฟูบำบัดผู้ติดยาเสพติดของสถานฟื้นฟูสมรรถภาพพลเมืองกองทัพบก มณฑลทหารบกที่ 38 จังหวัดน่าน ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูแล้วจำนวน 4,168 คน

จากนั้น นายกฯ ได้พบปะให้กำลังใจผู้บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โดยได้สอบถามความเป็นอยู่ การใช้ชีวิตประจำวันของผู้บำบัดว่ามีปัญหา อุปสรรคอะไรหรือไม่ พร้อมกับบอกให้ผู้บำบัดสู้ ขอให้เข้มแข็ง กลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและสังคมต่อไป พร้อมกันนี้ นายกฯได้กล่าวชื่นชมศูนย์บำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด ถือเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่ากระบวนการฟื้นฟูบำบัดประสบความสำเร็จ

กระทั่งเวลา 13.40 น. ณ วัดสุทธาราม ต.ท่าวังผา อ.ท่าวังผา จ.น่าน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรับฟังศึกษาต้นแบบการบูรณาการจัดการปัญหายาเสพติดในพื้นที่ (ท่าวังผาโมเดล)

ภายหลังรับฟังบรรยายสรุปโครงการท่าวังผาโมเดล จากนายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน สรุปผลการปฎิบัติการ x-ray ประชากรพื้นที่อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ดำเนินการ x-ray แล้ว 22,736 คน คิดเป็นร้อยละ 99.78 พบสารเสพติด จำนวน 173 คน ไม่พบสารเสพติด 22,516 คน โดย 173 คน ที่ตรวจพบสารเสพติดส่งไปบำบัดรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอ โรงพยาบาลจังหวัด และมินิธัญญารักษ์ อำเภอนาน้อย ส่วนกลุ่มที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวส่งตัวเข้าไปบำบัดต่อที่มณฑลทหารบก 38 กรณีผู้ค้า เจ้าหน้าที่ได้จับกุม ขยายผล และยึดทรพย์ต่อไป ทั้งนี้ จังหวัดน่านตั้งเป้าภายในเดือนกันยายน 2567 จะต้องเป็นจังหวัดสีขาว ปลอดจากยาเสพติด

จากนั้น นายกฯ ได้เยี่ยมและให้กำลังใจผู้บำบัดยาเสพติด โดยได้สอบถามถึงความเป็นอยู่และอาการหลังเข้าร่วมโครงการบำบัดฯ ขอให้ผู้บำบัดเข้มแข็ง ก้าวผ่านสถานการณ์ไปให้ได้ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาแต่เชื่อว่าหากตั้งใจจริง จะทำให้ผ่านพ้นไปได้

ต่อจากนั้น นายกฯ ได้กล่าวกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาที่สำคัญขของทั่วประเทศ ซึ่งจังหวัดน่านตั้งเป้าหมายไว้จะเป็นจังหวัดสีขาวภายในเดือนกันยายนนี้ ถือว่าเป็นที่พื้นที่นำร่องในการขยายผลไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยกันทำงานอย่างหนักในการแก้ไขปัญหายาเสพติด

นายกฯ กล่าวต่อว่า ไม่ใช่แค่ปราบปรามผู้ค้าอย่างเดียว เรื่องของการยึดทรัพย์ รวมถึงการคืนพี่น้องที่เคยเป็นผู้เสพกลับคืนสู่อ้อมกอดของพ่อแม่พี่น้องประชาชน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ  ซึ่งจะทำอย่างไรไม่ให้ผู้คนเหล่านี้กลับไปใช้ยาเสพติดอีก ตนเองเชื่อการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนให้ปัญหาหมดจากประเทศไทยเป็นหน้าที่ของทุกคน ขอให้ทุกคนช่วยกันแก้ไขปัญหา

พร้อมกันนี้นายกฯ ได้รับฟังปัญหา รวมถึงเสียงสะท้อนจากประชาชนจากตัวแทนชาวบ้าน โดยตัวแทนชาวบ้านได้สนับสนุนโครงการชุมชนบำบัด ขอให้รัฐบาลขยายผลการดำเนินโครงการ พร้อมกับสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการ เพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ นายกฯ ได้กล่าวขอบคุณสำหรับคำแนะนำ พร้อมเน้นย้ำว่า หัวใจของการทำงานคือความร่วมมือ และการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานในพื้นที่ ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ดี ขอให้ทำงานร่วมกันต่อไป ร่วมมือร่วมใจแก้ไขปัญหาให้หมดไปจากสังคม

“โครงการท่าวังผาโมเดล เป็นโครงการที่ครอบคลุมในเรื่องของการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งระบบเริ่มตั้งแต่การปราบปราม การฟื้นฟูและการบำบัด รวมถึงการนำผู้เสพ กลับมาฟื้นฟูคืนสู่สังคม ให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ รัฐบาลเล็งเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีและเหมาะสม โดยจะได้นำโครงการดังกล่าวขยายผลสำเร็จนำไปใช้ในพื้นที่อื่นต่อไป สำหรับเป้าหมายโครงการฯ มุ่งสู่ความยั่งยืน ผ่านการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนรวมถึงครอบครัว” นายกฯ ย้ำ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img