วันจันทร์, กรกฎาคม 1, 2024
หน้าแรกNEWSนายกฯสักการะพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง-เยี่ยมชมถนนคนเดินเลียบแม่น้ำมูล
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯสักการะพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง-เยี่ยมชมถนนคนเดินเลียบแม่น้ำมูล


นายกฯ สักการะพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง วัดมหาวนาราม พระอารามหลวง จ.อุบลราชธานี ชมการสาธิตการจัดทําต้นเทียนพรรษา ประเภทติดพิมพ์ ทดลองทำดอกเทียน ร่วมแกะพิมพ์เทียน นำติดที่พุ่มยอดเทียนพรรษา เยี่ยมชมถนนคนเดินเลียบแม่น้ำมูล จ.อุบลราชธานี

เวลา 17.20 น. วันที่ 28 มิ.ย. ณ วัดมหาวนาราม พระอารามหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สักการะพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงเพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสตรวจราชการจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ร่วมสักการะด้วย

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกราบสักการะ ถวายขันหมากเบ็ง จุดธูปเทียนบูชาพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองอุบลราชธานี และกราบนมัสการพระวชิรกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดมหาวนาราม พระอารามหลวง โดยนายกฯ ถวายผ้าไตรพร้อมด้วยเครื่องไทยธรรมแด่เจ้าอาวาส และสนทนาในเรื่องการตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ประเด็นการแก้ไขปัญหายาเสพติด จากนั้นได้รับมอบพระพุทธรูปพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงจำลอง และหนังสือมหาอินทรปฏิมานุสรณ์จากเจ้าอาวาสฯ พร้อมร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก โอกาสนี้ ยังได้พบปะพูดคุยกับหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดอุบลราชธานี ที่มารอต้อนรับภายในพระวิหารพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง

จากนั้น นายกฯ เดินทางไปยังบริเวณพื้นที่ที่มีการจัดแสดงการสาธิตการทําต้นเทียนพรรษา ประเภทติดพิมพ์ โอกาสนี้ นายกฯ ถวายความเคารพ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากนั้น นายกฯ เยี่ยมชมการสาธิตการจัดทําต้นเทียนพรรษา ประเภทติดพิมพ์ ทดลองทำดอกเทียนร่วมกับชมรมวัดพระธาตุหนองบัว และร่วมแกะพิมพ์เทียนเพื่อนำไปติดที่พุ่มยอดเทียนพรรษา

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเรื่อง Soft Power วัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่นทุกสาขา และให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจัดทําต้นเทียนพรรษาและจัดประกวดแข่งขันความสวยงามของต้นเทียนพรรษา นอกจากเป็นการสืบสานวัฒนธรรมงานประเพณีแห่เทียนพรรษาที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน เป็นที่รู้จักในระดับประเทศแล้วนั้น ยังเป็นประเพณีที่ก่อให้เกิดความสามัคคีอีกด้วย ซึ่งเป็นภาพสะท้อนวิถีชีวิตชาวอุบลราชธานีที่มีศรัทธาเลื่อมใสต่อพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น ซึ่งการที่จะประดิษฐ์ผลงานศิลปะต้นเทียนพรรษาที่สวยงามได้ขนาดนี้ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและฝีมือที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น อันจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีพุทธได้อย่างยั่งยืน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

สำหรับงานประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 23 กรกฎาคม 2567 ภายใต้ชื่องาน “เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เมืองเทียน เมืองธรรม งามล้ำเมือง 4 แสง” บริเวณทุ่งศรีเมือง และถนนสายหลักรอบทุ่งศรีเมือง อำเภอเมืองฯ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งปีนี้จะมีการจัดขบวนแห่เทียนพรรษาและขบวนการแสดงจากชุมชนต่าง ๆ เป็น 2 วัน (จากเดิม 1 วัน) คือวันที่ 20 – 21 กรกฎาคม 2567 พร้อมการแสดงแสง สี เสียง ภาคกลางคืน
เวลา 18.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พบปะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชน ณ ถนนคนเดินเลียบแม่น้ำมูล เทศบาลนครอุบลราชธานี อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี นายกฯ ได้เดินพบปะทักทายพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่ถนนคนเดินเลียบแม่น้ำมูลอย่างเป็นกันเอง โดยนายก ฯ ได้รับมอบเทียนพรรษาจำลองเพื่อเป็นที่ระลึก จากประธานสภาเทศบาลนครอุบลราชธานี นายกสมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชนเขต 1 พร้อมชมการแสดงรำอุบลราชธานี ซึ่งเป็นการแสดงท้องถิ่นของจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมกันนี้นายกฯ ได้อุดหนุนน้ำส้มคั้น ข้าวไข่เจียว 1 กล่อง และข้าวจี่ ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นประจำภาคอีสานด้วย

“สำหรับถนนเลียบแม่น้ำมูล ช่วงท่าน้ำตลาดใหญ่ – ท่าน้ำวัดสุปัฏนาราม – สามแยกถนนพนมนั้น เทศบาลนครอุบลราชธานี ได้เปิดถนนคนเดินดังกล่าวขึ้นทุกเย็นวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 17.00-22.00 น. เพื่อเป็นกิจกรรมส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมทั้งเป็นการปลูกฝังให้เยาวชนได้มีโอกาสมาร่วมแสดงออกในการแสดงดนตรีพื้นเมือง ดนตรีสากล และดนตรีร่วมสมัย ตลอดจนกิจกรรมแลกเปลี่ยนแนวความคิดทางศิลปวัฒนธรรมประเพณี การเผยแพร่วัฒนธรรมทางความคิด การแสดงออก การอนุรักษ์มรดกทางภูมิปัญญา และเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องและเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการนำศักยภาพที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ ของพื้นที่มาพัฒนาต่อยอด เพื่อสร้างมูลค่า สร้างอาชีพ และรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ และส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอีกด้วย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเสริม

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img