พาณิชย์เผยตัวเลขการจัดตั้งธุรกิจเดือนก.ย.แตะ 7,107 ราย มูลค่า 2.41 หมื่นล้านบาท ทุนต่ำกว่า 1 ล้านขยายกิจการสูงสุด ก่อสร้างอาคารทั่วไปครองแชมป์
นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ผลการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ เดือน ก.ย.
อยู่ที่ 7,107 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 24,170.64 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ คือ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 562 ราย คิดเป็น 8% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 529 ราย คิดเป็น 7% รองลงมา และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 344 ราย คิดเป็น 5%
ทั้งนี้หากแบ่งตลาดช่วงทุนพบว่า ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,498 ราย คิดเป็น 63.29% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 2,466 ราย คิดเป็น 34.70% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 121 ราย คิดเป็น 1.70% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 22 ราย คิดเป็น 0.31% ตามลำดับ
ขณะที่ธุรกิจจัดตั้งใหม่ในไตรมาส 3/66 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 21,379 ราย เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/66 จำนวน 21,104 ราย เพิ่มขึ้น 275 ราย คิดเป็น 1.3% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2565 จำนวน 20,495 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 884 ราย คิดเป็น 4.31% โดย ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 1,691 ราย คิดเป็น 8% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,491 ราย คิดเป็น 7% และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหารจำนวน 1,046 ราย คิดเป็น 5% ตามลำดับ
ด้านมูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีจำนวน 65,724.60 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/25 จำนวน 89,052.06 ล้านบาท ลดลงจำนวน 23,327.45 ล้านบาท คิดเป็น 26.20% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2565 จำนวน 73,332.21 ล้านบาท ลดลงจำนวน 7,607.61 ล้านบาท คิดเป็น 10.37%
นอกจากนี้หากแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 13,743 ราย คิดเป็น 64.28% รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 7,274 ราย คิดเป็น 34.02% รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 306 ราย คิดเป็น 1.43% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 56 ราย คิดเป็น 0.26%
สำหรับธุรกิจเลิกกิจการทั่วประเทศเดือนก.ย.มีจำนวน 2,039 ราย โดยมีมูลค่า ทุนจดทะเบียนจำนวน 17,229.98 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 167 ราย คิดเป็น 8% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 103 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 68 ราย คิดเป็น 3%
ทั้งนี้หากแบ่งตามช่วงทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,407 ราย คิดเป็น 69.00% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 529 ราย คิดเป็น 25.94% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 87 ราย คิดเป็น 4.27% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 16 ราย คิดเป็น 0.78%
ขณะที่ในไตรมาส 3/66 ธุรกิจเลิกประกอบกิจการ 5,913 ราย โดยมีมูลค่า ทุนจดทะเบียนจำนวน 31,795.92 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 514 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 291 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 164 ราย คิดเป็น 3%
นอกจากนี้หากแบ่งตามช่วงทุนพบว่าช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 4,165 ราย คิดเป็น 70.44% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 1,488 ราย คิดเป็น 25.16% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 228 ราย คิดเป็น 3.86% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 32 ราย คิดเป็น 0.54% ตามลำดับ
สำหรับธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 30 ก.ย. 66) ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 885,521 ราย มูลค่าทุน 21.50 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 200,156 ราย คิดเป็น 22.60% บริษัทจำกัด จำนวน 683,936 ราย คิดเป็น 77.24% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,429 ราย คิดเป็น 0.16%
อย่างไรก็ตาม หากแบ่งตามช่วงทุนธุรกิจไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 515,270 ราย คิดเป็น 58.19% รวมมูลค่าทุน 0.45 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.10% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 273,716 ราย คิดเป็น 30.91% รวมมูลค่าทุน 0.94 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.37% ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 78,684 ราย คิดเป็น 8.89% รวมมูลค่าทุน 2.16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10.03% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 17,851 ราย คิดเป็น 2.02% รวมมูลค่าทุน 17.95 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.50%
สำหรับการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวเดือนก.ย. มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 59 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 22 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 37 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 18,229 ล้านบาท ทั้งนี้หากเทียบกับเดือนส.ค.66 จำนวนธุรกิจที่คนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น 2% (เพิ่มขึ้น 1 ราย) ขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 1.67 เท่า (เพิ่มขึ้น 11,389 ล้านบาท)
ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 12 ราย เงินลงทุน 948 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ อเมริกา จำนวน 9 ราย เงินลงทุน 916 ล้านบาท และ สิงคโปร์ จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 6,524 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 9 เดือนที่ผ่านมา(ม.ค.-ก.ย.) คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 493 รายมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 84,013 ล้านบาท