วันจันทร์, มิถุนายน 17, 2024
หน้าแรกHighlightรัฐบาลแจง“เบี้ยผู้สูงอายุ”คนเดิมยังได้อยู่ วอน“นักการเมือง”เลิกกล่าวหา“รัฐลักไก่”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

รัฐบาลแจง“เบี้ยผู้สูงอายุ”คนเดิมยังได้อยู่ วอน“นักการเมือง”เลิกกล่าวหา“รัฐลักไก่”

รองโฆษกรัฐบาล แจงเบี้ยผู้สูงอายุคนเดิมยังได้อยู่ ขอคนรวยเข้าใจมท.ปรับเกณฑ์เพื่อใช้งบฯช่วยคนที่เดือดร้อน สร้างความยั่งยืนทางการคลังระยะยาว วอนนักการเมืองเลิกกล่าวหารัฐลักไก่

เมื่อวันที่ 14 ส.ค.66 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2566 ที่เพิ่งเริ่มบังคับใช้เมื่อวันที่ 12 ส.ค.2566 ว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ปรับปรุงระเบียบและหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2566 ซึ่งมีสาระหลักเพิ่มเติม คือเป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุ ดังนั้นคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติจะต้องออกระเบียบกำหนดรายละเอียดหลังจากนี้ แต่ผู้สูงอายุที่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพอยู่ก่อนวันที่ระเบียบดังกล่าวมีผลใช้บังคับ จะยังมีสิทธิ์รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อไป

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นเพราะรัฐบาลไม่มีความสามารถในการหาเงินนั้น ตนขอชี้แจงว่า ที่ผ่านมา เศรษฐกิจดีขึ้น และรัฐบาลจัดเก็บรายได้มากขึ้น มีการจดทะเบียนการค้าบริษัทต่างชาติ การขอการสนับสนุนการลงทุนต่างชาติเพิ่มต่อเนื่อง มีตัวชี้วัดความสามารถจัดหารายได้ ซึ่งดูได้จากตัวเลขการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในช่วง 7 เดือนของปีงบประมาณ 2566 (เดือน ต.ค.2565-เม.ย.2566) เก็บรายได้สูงกว่าปีก่อน 6.5 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 107,101 ล้านบาท หรือ 11.10 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วง 7 เดือนของปีงบประมาณ 2566 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.4 เปอร์เซ็นต์ และสูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 8.9 เปอร์เซ็นต์ นี่คือความสามารถของรัฐบาลในการหารายได้

ส่วนประเด็นดราม่าที่ว่าเป็นการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของพลเมืองไทยหรือไม่นั้น น.ส.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชนทุกกลุ่ม และมุ่งแก้ปัญหาประชาชนอย่างตรงเป้า รวมถึงใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้ข้อจำกัดของงบประมาณ ขณะเดียวกัน วันนี้เราเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและจะเพิ่มต่อเนื่อง ทำให้งบประมาณที่รัฐบาลเคยตั้งไว้ 50,000 ล้านบาทต่อปี เพิ่มเป็น 80,000 ล้านบาท และแตะ 90,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2567 ดังนั้น หากลดการจ่ายเบี้ยดังกล่าวแก่ผู้สูงอายุร่ำรวยหรือมีรายได้สูง เพราะงบประมาณที่จ่ายให้ไปอาจจะไม่มีความจำเป็น ถือเป็นการใช้นโยบายการคลังที่พุ่งเป้าเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนที่มีความจำเป็นและมีความเดือดร้อนมากกว่า อีกทั้งเป็นการสร้างความยั่งยืนทางการคลังระยะยาว จึงขอฝ่ายการเมืองอย่ามองว่าเป็นการลักไก่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img