“ศรีสุวรรณ”บุกหาดแม่รำพึงตรวจคราบน้ำมันรั่วเกยหาด บอกชาวบ้านให้มาช่วย โวยการเก็บทำลายซากน้ำมันส่อขัดต่อกฎหมาย
วันที่ 30 ม.ค.65 นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า มีชาวบ้านบริเวณหาดแม่รำพึงได้ร้องเรียนมายังสมาคมฯเป็นจำนวนมาก ขอให้ช่วยเหลือเรียกร้องความเป็นธรรมอันเนื่องมาจากได้รับผลกระทบจากน้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเลมาบตาพุดกว่า 400,000 ลิตรนั้นขณะนี้กำลังถูกคลื่นซัดคราบน้ำมันขึ้นมาแผ่กระจายเต็มหาดแม่รำพึง ทำให้พ่อค้า แม่ค้า โรงแรว รีสอร์ท บ้านพัก บังกะโล ธุรกิจการท่องเที่ยวและกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านได้รับผลกระทบกันอย่างรุนแรง จนผู้ว่าฯระยองต้องประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติไปแล้วนั้น
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บหลักฐานข้อเท็จจริงพบว่า มีบริษัทเอกชนผู้ก่อเหตุและหน่วยงานภาครัฐหลายภาคส่วนได้บูรณาการการเก็บก้อนน้ำมันที่ถูกน้ำทะเลซัดขึ้นมาเต็มชายหาดกันอย่างเต็มที่ โดยมีการนำแท็งค์พลาสติกขนาดใหญ่จำนวนมากมาตั้งรองรับการเก็บซากน้ำมัน ซึ่งซากน้ำมันเหล่านั้นถือว่าเป็น “ของเสียอันตราย” ที่จะต้องมีมาตรการการจัดเก็บและนำไปทำลายอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการเท่านั้น แต่ทราบข้อมูลในเบื้องต้นว่าบริษัทผู้ก่อเหตุประสงค์จะนำของเสียซากน้ำมันเหล่านี้ไปกักเก็บทำลายยังโรงงานของตน ซึ่งตามข้อกฎหมายแล้วเป็นไปไม่ได้
ทั้งนี้เพราะของเสียอันตรายดังกล่าว จะต้องขนย้ายนำไปเก็บสะสมและกำจัดจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกําจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ.2548 เท่านั้น โดยผู้ที่รับขนส่งนำไปกำจัดจะต้องมีใบอนุญาตตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ระบบเอกสารกํากับการขนส่งของเสียอันตราย พ.ศ.2547 และผู้ประกอบกิจการโรงงานที่มีสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วไว้ในครอบครองต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ระบบเอกสารกํากับการขนส่งของเสียอันตราย พ.ศ.2547 และต้องมีใบอนุญาตโรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการคัดแยกหรือฝังกลบ สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ตามประเภทหรือชนิดของโรงงานลําดับที่ 101 หรือ 106 เท่านั้น ซึ่งต้องถามว่าบริษัทหรือโรงงานผู้ก่อเหตุมีใบอนุญาตเหล่านี้แล้วหรือไม่
การที่บริษัทผู้ก่อเหตุในครั้งนี้จะนำซากน้ำมันของเสียอันตรายที่เก็บมาจากชายหาดแม่รำพึงไปเก็บไว้ที่โรงงานของบริษัทย่อมเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และพนักงานเจ้าหน้าที่รัฐที่บูรณาการการทำงานเก็บกวาดซากน้ำมันอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นกรมโรงงานฯ อุตสาหกรรมจังหวัด และกรมควบคุมมลพิษ หากเพิกเฉยปล่อยให้บริษัทผู้ก่อเหตุนำซากน้ำมันออกไปจากชายหาดโดยไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ย่อมเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ได้
ส่วนการเรียกร้องให้มีการชดเชยเยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหายในบริเวณหาดแม่รำพึงและผู้ที่มีส่วนได้เสียอย่างเป็นธรรมนั้น ขณะนี้ต้องรอให้การเก็บกู้ซากน้ำมันบริเวณชายหาดแม่รำพึงและทะเลมาบตาพุดให้คลี่คลายไปเสียก่อน เพราะขณะนี้ยังอยู่ในการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานของสมาคมฯที่จะนำไปช่วยชาวบ้านอยู่ นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด