วันจันทร์, พฤษภาคม 20, 2024
หน้าแรกHighlight‘ภท.’ดักทางดึงกัญชากลับเป็นยาเสพติด ‘อนุทิน’โวย‘ทำตามสัญญาแต่ถูกหักหลัง’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ภท.’ดักทางดึงกัญชากลับเป็นยาเสพติด ‘อนุทิน’โวย‘ทำตามสัญญาแต่ถูกหักหลัง’

“อนุทิน” ดักทางหากจะดึง “กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด” ขอข้อมูลจาก “สธ.” ก่อนชง ป.ป.ส.ชุดใหญ่เคาะ ลั่น “ภูมิใจไทย” ทำตามสัญญาแล้ว ส่งกม.เข้าสภา แต่ถูกหักหลัง คนที่รับโทษคือประชาชน ไม่ใช่พรรค

เมื่อวันที่ 9 พ.ค.67 ที่จังหวัดภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข เตรียมจะนำ “กัญชา” กลับไปเป็นยาเสพติดว่า กระทรวงสาธารณสุขต้องไปหาข้อมูลมาเพิ่ม เมื่อครั้งประกาศให้กัญชาพ้นจากการเป็นสารเสพติด ได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และก่อนที่จะมาถึงคณะกรรมการชุดดังกล่าว ก็ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ซึ่งมีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ข้อมูล ณ วันที่ได้ปลดกัญชาออกจากการเป็นสารเสพติดนั้น มีความชัดเจนว่า เหตุใดจึงสามารถปลดได้ และส่วนใดยังคงเป็นยาเสพติดอยู่ ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือไม่มีกฎหมายมารองรับ เรานำเสนอกฎหมายเข้ารัฐสภา ผ่านการรับหลักการในวาระแรกแล้ว แต่ไม่ผ่านวาระสอง ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องของการเมือง เราต้องยืนยันเจตนารมณ์ต่อไป เมื่อเราใช้อารมณ์และความรู้สึกมากำหนดนโยบายต่างๆ เหล่านี้ เราก็ต้องมีข้อมูลที่จะสนับสนุน ยืนยันว่าไม่ได้กังวลใดๆ โดยจากนี้ต้องเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

ส่วนการเยียวยานั้น นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่ทุกคนพึงพอใจ คือตอนที่ได้ประกาศให้กัญชาพ้นจากการเป็นยาเสพติด มีนักโทษประมาณ 7,000 คนได้รับการปล่อยตัวทันที บางคนเป็นแพทย์ประจำบ้าน หรือแพทย์แผนไทย ซึ่งใช้กัญชาในการรักษาคนไข้ ก็ถูกดำเนินคดี ก็จะได้รับการปล่อยตัวทันที เราต้องเตรียมพร้อม ตนเองไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ในวันนี้หากมีข้อมูลใหม่ที่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า กัญชานั้นอันตรายและเป็นสารเสพติด ตนก็ต้องรับฟังและพิจารณา แต่ปัจจุบันเราคงต้องรอข้อมูลเหล่านั้นมาก่อน นอกจากนี้ยังมีกรณีที่สามารถปลูกกัญชาจำนวน 6 ต้นได้ หรือผลิตเป็นสินค้าพื้นบ้านที่มีการจดแจ้ง และหากกัญชาต้องกลับไปเป็นยาเสพติด จะต้องมีบทเฉพาะกาลคุ้มครองคนเหล่านี้หรือไม่อย่างไร

ส่วนนโยบายกัญชา ที่เป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงของพรรคภูมิใจไทยนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยให้ความไว้วางใจในเรื่องนี้ และเข้าไปกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข พรรคภูมิใจไทยดำเนินการตามนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยให้สัญญาไว้ เราถอดกัญชาออกจากการเป็นสารเสพติด และเมื่อมาถึงรัฐบาลนี้ พรรคภูมิใจไทยได้เสียงไม่เพียงพอที่จะเข้าไปกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง เราก็ต้องให้รมว.สาธารณสุขหรือพรรคการเมืองที่กำกับดูแลสาธารณสุข เป็นผู้กำหนดนโยบาย โดยที่เราต้องให้ข้อมูลว่า เหตุใดเราจึงเชื่อว่ากัญชานั้นมีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และสุดท้ายก็ให้ไปร่วมกันโหวตในคณะกรรมการชุดต่างๆ และผลออกมาอย่างไรเราก็ต้องยอมรับ โดยที่เรายังไม่จำเป็นต้องแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย

ส่วนสัญญาณที่นายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุขจะดึงกัญชากลับไปเป็นสารเสพติด ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลและกำกับดูแลการปกครอง นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่ข้อมูล ตนในฐานะอดีตรมว.สาธารณสุข และได้ปลดกัญชาออกจากสารเสพติด มองว่า กัญชาเป็นสมุนไพร และรักษาได้หลายโรค เราพิจารณาแล้วว่า กัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์ การที่ระบุว่าเป็นยาเสพติดนั้น ยาเสพติดเป็นยาหลักทางด้านสมุนไพรได้หรือไม่ เราต้องมานั่งตอบคำถามกันว่าเราควรที่จะต้องดำเนินการในลักษณะนั้นหรือไม่

เมื่อถามว่า หากดึงกัญชากลับไปเป็นสารเสพติด จะกระทบต่อฐานเสียงของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากพรรคภูมิใจไทยได้คะแนนเสียงไม่เพียงพอที่จะสานต่อนโยบายกัญชา และกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง เมื่อครั้งที่เรากำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข เราทำทุกอย่างแล้ว ได้ส่งกฎหมายเข้าสภา แต่เราถูกหักหลัง และคนที่ต้องรับโทษก็คือประชาชน ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยไม่ได้กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุขแล้ว เราต้องให้เกียรติรมว.สาธารณสุขคนปัจจุบันที่จะต้องไปดำเนินการ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img