วันเสาร์, พฤษภาคม 18, 2024
หน้าแรกHighlightหวังท่องเที่ยวพยุงเศรษฐกิจไทยโต3.4%
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

หวังท่องเที่ยวพยุงเศรษฐกิจไทยโต3.4%

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินเศรษฐกิจไทยโตได้ 3.4% แรงหนุนของภาคการท่องเที่ยว จับตาความไม่แน่นอนทางการเมืองกระทบการเดินทางนักท่องเที่ยวต่างชาติ

รายงานข่าวจากศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS แจ้งว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะเติบโตได้ 3.4% ด้วยการขับเคลื่อนของภาคการท่องเที่ยว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ค.) ของปี 2566 อยู่ที่ 10.7 ล้านคน เติบโตดีกว่าที่เคยประเมินไว้เดิม ซึ่งตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีมีโอกาสที่จะแตะระดับ 29.0 ล้านคน สูงกว่า 27.1 ล้านคนที่เคยคาด

ขณะที่เดียวกัน ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังมีทิศทางเพิ่มขึ้น ด้านการส่งออกไทยยังเผชิญความไม่แน่นอนสูง หลังมูลค่าการส่งออกล่าสุดในเดือนพ.ค.66 หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 โดยติดลบที่ -4.6%YoY

ทั้งนี้หากมองต่อไปในในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอลงชัดเจน โดยภาคการผลิตของกลุ่มเศรษฐกิจหลักหดตัวต่อเนื่อง ขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณชะลอลงของภาคบริการในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ประกอบกับการฟื้นตัวของจีนแผ่วลงกว่าที่เคยคาด

นอกจากนี้ธนาคารกลางหลักฝั่งตะวันตกต่างมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกและถือเป็นความเสี่ยงต่อการส่งออกไทยต่อไป

อย่างไรก็ตาม คาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งปี 2566 จะหดตัว -1.6% เทียบจากปีก่อนที่สามารถขยายตัวได้ 5.5% ส่วนแรงส่งของภาคการท่องเที่ยวรวมทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาเป็นปกติมากขึ้น จะหนุนการจ้างงาน และอุปสงค์ภายในประเทศให้สามารถประคับประคองการฟื้นตัวได้ต่อไปในช่วงที่เหลือของปีนี้

ทั้งนี้ Krungthai COMPASS มองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงท่ามกลางความเสี่ยงรอบด้าน โดยเฉพาะปัจจัยด้านลบที่รุมเร้ามากขึ้น จากการค้าโลกที่อาจชะลอตัวกว่าคาดและมีโอกาสที่เขตเศรษฐกิจหลักบางส่วนจะประสบภาวะหดตัวในปลายปีนี้ รวมถึงภาวะการเงินยังตึงตัวจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง

ขณะที่ปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยอาจส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะในส่วนของงบลงทุนภาครัฐให้ล่าช้า ประกอบกับสถานการณ์ดังกล่าวอาจกระทบต่อบรรยากาศด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเพียงเครื่องยนต์หลักตัวเดียวของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ และจำเป็นต้องติดตามพัฒนาการของปัจจัยดังกล่าวและประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป ขณะที่ภาคธุรกิจจำเป็นต้องวางแผนรองรับเหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูงอีกด้วย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img