เงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่งถ่วงหุ้นไทย คาด“กนง.”ขึ้นดอกเบี้ย เบรกเงินไหลออก

โบรกมองหุ้นไทยครึ่งหลังเม.ย.เสี่ยงขาลง หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่งไม่หยุดหนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ย-ลดขนาดงบดุล คาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งสกัดเงินไหลออก มองแนวรับแรกที่ 1,660 จุด แนวต้านที่ 1,705 จุด

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า หุ้นไทยครึ่งหลังเดือนเม.ย.ในอดีต 10 ปีย้อนหลังคึกคัก ปรับขึ้น 2% ให้ผลตอบแทนบวก 8 ปี 2 ปีติดลบ แต่ในปัจจุบันนักลงทุนกังวลการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวรับมือเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มขึ้นโดยเงินเฟ้อมี.ค.ของสหรัฐฯที่ขยับขึ้น 8.5% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ หนุนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย 8 ครั้งมาอยู่ที่ระดับ 2.25-2.50% และลดงบดุลพ.ค.เม็ดเงิน 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

หากเทียบกับข้อมูลในอดีตในปี 2018 เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง และลดขนาดงบดุลเฉลี่ย 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐแตกต่างจากปัจจุบันอย่างมาก ดังนั้นสภาพคล่องที่หายไปจากระบบกดดันหุ้นไทยใน 2 ประเด็นหลักคือ

1.ฟันด์โฟลว์ที่เคยไหลเข้าหุ้นไทยปีนี้ 1.15 แสนล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 3 หมื่นล้านบาทครึ่งเดือนเม.ย. 3.7 พันล้านบาทต้องชะลอลงหลังลดงบดุล

2.เงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้ Valuation หุ้นไทยถูกปรับลง ภายใต้เงินเฟ้อธปท. 4.9% และการคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5%

นอกจากนี้อาจเห็นธปท.ขึ้นดอกเบี้ยครึ่งปีหลังของปีนี้ 1 ครั้ง 0.25% หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยร้อนแรงสกัดเงินเฟ้อ จะทำให้ PE จากที่เทรดอยู่ 20.36 เท่า ลดลงมาอยู่ที่ 19.36 เท่า จะทำให้ดัชนีจากที่มองว่าอยู่ระดับ 1,810 จุด จะถูกปรับลงมา 90 จุด หรือแตะระดับที่ 1,720 จุดขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ คาดปรับลดจีดีพีโลกในวันที่19 เม.ย.นี้ หลังเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนในประเทศพัฒนาแล้วอาจกกดันต่อตลาดหุ้นไทย

ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวหุ้นไทยช่วงสัปดาหน้าถึงสิ้นเดือนเม.ย. คาดว่าแนวรับแรกอยู่ที่ 1,660 จุด แนวรับถัดมาที่ 1,625 จุด และแนวต้านที่ 1,705 จุด