บทเรียน “ยูทูบเบอร์ดัง-พิมรี่พาย” แค่ตั้งใจดีอย่างเดียวไม่พอ ถูกเกรียนคีย์บอร์ดลากยาวไปเทียบการทำงานของรัฐบาลและ “บุคคลชั้นสูง” ทั้งๆ ที่ผ่านมา มีองค์กร-มูลนิธิเข้าให้การช่วยเหลือเด็กบนดอยอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ได้เป็นข่าวดัง เพราะไม่ได้นำเสนอแบบเว่อร์วัง พร้อมจิกไปถึงส.ส.ในพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นช่วยเหลืออะไร
กรณีที่เกิดกระแสในโลกสังคมออนไลน์ ถึงกรณี “พิมรี่พาย” หรือ “น.ส.พิมพ์พรรณ สรัลรัชญ์” แม่ค้าออนไลน์ ที่ผันตัวมาเป็น ยูทูบเบอร์ดัง จนทำให้ #พิมรี่พาย ขึ้นอันดับ 1 Twitter Trend ของไทย อันเกิดจากกรณีที่เธอได้ลงคลิป “สุขสันต์วันเด็ก พิมรี่พายจัดใหญ่ให้น้องบนดอยสูง” ซึ่งเป็นการนำของขวัญพิเศษไปมอบให้กับเด็ก ๆ บนดอยสูง ในหมู่บ้านแม่เกิบ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ถึง 300 กิโลเมตร โดยเป็นการเข้าให้การช่วยเหลือน้องๆ ที่อยู่บนดอยสูง ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ด้วยการทุ่มเงินกว่า 5 แสนบาท ไปติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขึ้นมาติดตั้ง ซื้อโทรทัศน์ จัดหาอุปกรณ์สร้างแปลงผัก และสิ่งของอุปโภคบริโภคต่างๆ เพื่อให้เด็กๆ บนดอยมีไฟฟ้าและสิ่งอำนวยความสะดวกใช้กัน จนก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา โดยเฉพาะการนำของขวัญที่ “พิมรี่พาย” มอบให้กับเด็ก ๆ ไปเปรียบเทียบกับการทำงานของรัฐบาล รวมไปถึง “บุคคลชั้นสูง”
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ความช่วยเหลือเด็กบนดอย ที่ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ นั้น มีมาอย่างต่อเนื่อง จากหลายองค์กร เพียงแต่ที่ผ่านมา ไม่ค่อยปรากฏเป็นข่าวดังทั่วไป เนื่องจากองค์กรหรือมูลนิธิต่างๆ ที่เข้าไปช่วยเหลือ ไม่ได้เป็นเน็ตไอดอล หรือยูทูบเบอร์ดัง ที่จะมีจุดขายในการถ่ายคลิป ถ่ายภาพ แล้วนำเสนอให้เกิดจุดสนใจแต่ในโลกสังคมออนไลน์
ตัวอย่างเพจ มูลนิธิวิจัยและพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิต ได้ลงรายละเอียดเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2563 ระบุว่า “วันที่ 4-7 ธันวาคม 2563 มูลนิธิวิจัยและพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิต ได้เดินทางเข้าพื้นที่ บ้านแม่เกิบ ตำบลนาเกียน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับคณะของ ดร.บานจิตร สายรอคำ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (และเป็นกรรมการและเลขานุการ ของมูลนิธิวิจัยและพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิต) ในการเดินทางเข้าพื้นที่ครั้งนี้มูลนิธิวิจัยและพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิต ได้เข้าติดตั้งระบบส่องสว่างด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับบ้านเรือนของราษฎรบ้านแม่เกิบจำนวน 51 หลังคาเรือน โดยการสนับสนุนอุปกรณ์ (แผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ สายไฟ) จากสถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะของ ดร.บานจิตร ได้จัดกิจกรรมการอบรมนักเรียนและราษฎรบ้านแม่เกิบในการสร้างอาชีพหารายได้ (การทำสบู่ ผ้าห่มมัดย้อมจากสีธรรมชาติ การผลิตน้ำพริกจากสมุนไพรพื้นบ้าน) ทั้งนี้ครูโรงเรียนบ้านแม่เกิบได้เป็นผู้ประสานที่จะนำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้ออกจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวซึ่งเป็นการส่งเสริมการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนบ้านแม่เกิบ”
หรือแม้แต่ สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็เคยร่วมกับ กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย และ ELC TOUR พร้อมกันเข้าช่วยชาวบ้านแม่เกิบ ชาวบ้านศาลาเท คณะครู ร่วมกันก่อสร้างอาคารเรียนหมู่บ้านแม่เกิบ และพบปะพี่น้องชาวบ้านหมู่บ้านแม่เกิบ เมื่อวันที่ 27-29 พฤศจิกายน 2561 ณ หมู่บ้านแม่เกิบ ตำบลนาเกียน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
อีกด้านหนึ่ง โลกโซเชียลยังมีการทวงถามการทำงานของส.ส.ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่ง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ อยู่เขตเลือกตั้งที่ 9 โดยที่ผ่านมา มีส.ส.จากพรรคเพื่อไทย เป็นผู้แทนราษฎรมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน แต่ทำไม ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ถึงไม่ให้การช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมเหมือนที่ “พิมรี่พาย” ที่แค่เข้าไปแป๊บเดียว ก็โด่งดัง เป็นที่สนใจของสังคมออนไลน์ในทันที นอกจากนี้ ยังมีบางส่วนแขวะไปถึง “พิมรี่พาย” ว่า “เว่อร์วัง” แทนที่จะช่วยด้านอาชีพให้เด็กๆ ในพื้นที่ เขาเลี้ยงชีพได้ หรือเข้าถึงสาธารณสุข แต่กลับไปซื้อทีวีให้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กินไม่ได้
จากการตรวจสอบข้อมูล ในเรื่องงบประมาณที่เข้าไปในพื้นที่ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2560 ได้รับงบประมาณราว 54 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินจากส่วนกลาง รายได้ท้องถิ่นมีน้อย บ้านแม่เกิบ จึงเป็นจุดที่มักจะมีคนจากส่วนกลาง เดินทางไปช่วยงานอาสาบ่อยๆ
ล่าสุด รศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยังต้องออกมาโพสต์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวว่า “มันไม่ใช่ความฝันของเด็กดอยหรอกแบบนี้ มันความฝันอยากจะโปรดสัตว์ชนชั้นล่าง ของพวกชนชั้นกลางในเมืองที่ไม่เคยรู้…มากกว่า”
