วันจันทร์, พฤษภาคม 20, 2024
หน้าแรกNEWS“เสรี”จี้“กกต.”พิจารณา“พิธา”ถือหุ้นสื่อ แนะให้เร่งเพื่อลดความขัดแย้งในสังคม
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เสรี”จี้“กกต.”พิจารณา“พิธา”ถือหุ้นสื่อ แนะให้เร่งเพื่อลดความขัดแย้งในสังคม

“สว.เสรี” ถก “กกต.” 2 ชม. หารือปม “พิธา” ถือหุ้นสื่อไอทีวี เร่งดำเนินให้เสร็จหวังลดความขัดแย้งในสังคม ลั่นไม่มีใครจ่ายเงินซื้อ ส.ว.แลกโหวตนายกฯ ชี้คนชง 112 ขาดวุฒิภาวะ ทำสังคมแตกแยก เทียบชัด “สุชาติ” เหมาะนั่งประธานสภา

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.66 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับกกต.นานกว่า 2 ชม.ว่า ทางกรรมาธิการมาหารือกับทางกกต. เนื่องจากเคยนัดไว้ตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้ง แต่ทางกกต.ติดภารกิจ จึงเลื่อนมาเป็นวันนี้ ซึ่งเรื่องที่มาหารือ เป็นเรื่องที่ทางกรรมาธิการกำลังพิจารณารวบรวมปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของ กกต. เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นให้สุจริต เที่ยงธรรม มีหลายเรื่องที่หารือร่วมกัน และก็ได้นำข้อมูลในกรรมาธิการที่ได้มีการตรวจสอบ และข้อมูลที่ปรากฏในสื่อบางส่วน รวมถึงเอกสารที่ได้ขอกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเกี่ยวกับปัญหาเรื่องการถือครองหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล มามอบให้กับทางกกต.ด้วยเพื่อนำไปพิจารณาประกอบกับเรื่องที่กกต.กำลังดำเนินการในเรื่องเหล่านี้อยู่

เมื่อถามว่า ข้อมูลเพิ่มเติมเป็นอะไรบ้าง นายเสรี กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเป็นข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในคดีความยื่นร้องจัดการมรดกเดิม ส่วนที่เป็นทรัพย์มรดก เป็นทรัพย์สิน ที่ดิน ที่มีการจัดการโอนทรัพย์มรดกนี้ไปตั้งแต่ปี 2560 เพื่อที่จะเทียบว่าการจัดการมรดกรายนี้ไม่ใช่ว่ายังค้างคาไม่เสร็จ แต่เป็นการจัดการมรดกเสร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อเทียบให้เห็นว่าการถือผู้สื่อไอทีวี ปัจจุบันนี้เป็นการถือหุ้นโดยฐานะทายาท หรือผู้จัดการมรดก หรือในฐานะที่ได้รับมรดกมาแล้ว เป็นการส่งหลักฐานให้เห็นเพื่อเทียบเคียงถึงการจัดการมรดก และได้เรียนต่อกกต.ขอให้กกต.ทำตามอำนาจหน้าที่ของท่านให้ปรากฎ หากสามารถทำโดยเร็วได้ในส่วนใด ก็ขอให้ใช้อำนาจหน้าที่หรือดุลยพินิจดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมหรือข้อถกเถียงในทางการเมืองที่ไม่อยากให้มีเรื่องอื่นๆแทรกแซงเข้ามา อยากให้ยุติโดยเร็ว

เมื่อถามว่า กกต.ได้แจ้งเรื่องระยะเวลาดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร นายเสรี กล่าวว่า มี 2 ส่วน คือส่วนที่ทำไปก่อนการประกาศรับรองผล กกต.ได้สืบสวนไต่สวนหาข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีตามมาตรา ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และอีกส่วนคือหลังการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้ว ก็จะดูว่าส่วนไหนเป็นอำนาจหน้าที่ของกกต. หรือความปรากฏของกกต.อย่างไร ซึ่งก็คงใช้อำนาจหน้าที่ของท่านในช่วงนี้

นายเสรี ยังกล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เจรจาต่อรองเรื่องเก้าอี้ประธานสภาฯ จะเป็นชนวนรอยร้าวของทั้งสองพรรคหรือไม่ว่า เป็นเรื่องการตกลงของแต่ละพรรคว่า จะให้ตำแหน่งอะไร ความแตกแยกคงไม่ถึงกับรุนแรงอะไร เพราะทางการเมืองการมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน โดยหลักแล้ว ถ้าไม่ได้อยู่พรรคเดียวกัน ก็จะต้องใช้เสียงในสภาเพื่อตัดสินปัญหา อย่งไรก็ตาม ตนมองว่าประธานสภาฯควรมีคุณสมบัติเหมือนกับกับประธานคนก่อนๆ ว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เป็นที่เคารพเชื่อถือของบรรดาสมาชิกทุกพรรคการเมืองหรือเปล่า สิ่งสำคัญคือการวางตัวที่เหมาะสม เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนของทุกพรรค ของคนทั้งสภา แต่หากมีการแสดงในทางก้าวร้าว ทำเพื่อประโยชน์ของพรรคตัวเองหรือเพื่อประโยชน์ส่วนตัว สิ่งนี้ตนมองว่าจะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม ส.ส.ทุกคนก็นำข้อมูลนี้มาพิจารณาได้ เพราะจะกระทบต่อการทำงาน   

เมื่อถามว่า มีการคาดการณ์ว่านายสุชาติ ตันเจริญ น่าจะได้ตำแหน่งประธานสภา นายเสรี กล่าวว่า นายสุชาติถือว่ามีความสามารถ มีประสบการณ์ ทำมาหลายสมัย ไม่น่าจะติดขัดอะไร ส่วนพรรคก้าวไกลมีความชัดเจนว่าจะเสนอชื่อนายปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นประธานสภาฯ นั้นตนมองว่า ก็เสนอได้ เพราะมาจากแต่ละพรรคการเมืองที่เลือกตัวแทนขึ้นมา แต่การจะเป็นได้ดีหรือไม่ต้องดูที่ความรู้ ความสามารถและการวางตัว การแสดงออก ถ้าเทียบกันส่วนตัวมองว่านายสุชาติ คงดีกว่า 

เมื่อถามต่อว่า มีกระแสว่ามีพรรคการเมืองซื้อตัว ส.ว.เพื่อโหวตเลือกนายกฯ นายเสรี กล่าวว่า เป็นเพียงข่าว แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครมาลงทุนกับ ส.ว.ได้  เพราะต้องเข้าใจว่าไม่สามารถจะปิดบังอะไรได้ เพราะสมัยนี้มีทั้งการอัดเสียง อัดคลิป ใครก็ตามถ้าหากคิดจะทำ ถือว่าคิดผิด ไม่น่าจะทำเรื่องเหล่านี้ และ ส.ว.ทุกคนไม่น่าจะซื้อได้ ถ้าให้ก็คือให้ ถ้าไม่ไห้ก็คือไม่ให้  ถ้าเห็นชอบก็คือเห็นชอบ อยู่ที่เหตุผลตรงไปตรงมา  

เมื่อถามย้ำว่า จะเอามาตรา 112 มาเป็นเหตุผลในการโหวตนายกฯ นายเสรี กล่าวว่า แค่เสนอเรื่องนี้ก็ขาดวุฒิภาวะแล้ว  เพราะสิ่งที่เสนอและแสดงออกกันมาก็แสดงออกอยู่แล้วว่ากระทบกับสถาบัน เมื่อ ส.ว.ไม่เห็นด้วยก็เป็นเหตุเป็นผล แต่ไม่ควรเอาประชาชนมาทำให้เกิดการปะทะอะไรกัน การเป็นผู้นำประเทศถ้าต้องการให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งก็ควรเสนออะไรที่สร้างสรรค์ ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหา ความเห็นที่แตกต่าง แค่เสนอเรื่องนี้ตนก็เห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าวุฒิภาวะที่พูดกันมาตลอดต้องดูให้ดีแล้ว. 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img