วันศุกร์, พฤษภาคม 17, 2024
หน้าแรกNEWS"อนุกมธ.นิรโทษฯ" กาง 3 แนวทางจำแนกฐานความผิดเหตุทางการเมือง รับ ม.112 ยังไร้ข้อสรุป
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“อนุกมธ.นิรโทษฯ” กาง 3 แนวทางจำแนกฐานความผิดเหตุทางการเมือง รับ ม.112 ยังไร้ข้อสรุป

“อนุกมธ.นิรโทษฯ” เปิด 4 ไทม์ไลน์ กาง 3 แนวทางจำแนกฐานความผิดเหตุทางการเมือง ชง “กมธ.ชุดใหญ่” เคาะคาดถกที่ประชุมสภาฯช่วงเดือนก.ค. รับ ม.112 ยังไร้ข้อสรุป

วันที่ 2 พ.ค.2567 ที่รัฐสภา นายยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ(อนุกมธ.)ศึกษาและจำแนกการกระทำเพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)นิรโทษกรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการหารือในคณะอนุกมธ.ฯ เพื่อจำแนกคดีที่มีฐานความผิดมาจากแรงจูงใจทางการเมืองว่า ในแง่ของระยะเวลา ได้พิจารณาโดยยึดแนวทางของคณะอนุกมธ.พิจารณาศึกษาข้อมูล และสถิติ ที่มีนายนิกร จำนง เป็นประธาน คือวันที่ 1 ม.ค.2548 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา ะ20 ปี แบ่งออกเป็นอีก 4 ช่วงเวลา ดังนี้ 1.ตั้งแต่ปี 2548-2551 2.ตั้งแต่ปี 2552-2555 3.ตั้งแต่ปี 2556-2562 และ4.ตั้งแต่ ปี2563-ปัจจุบัน ซึ่งใน4ช่วงเวลานี้มีเหตุการณ์ทางการเมืองใหญ่ๆ เช่น การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร(เสื้อเหลือง) การชุมนุมของกลุ่มนปช.(เสื้อแดง) การชุมนุมของกลุ่มกปปส. และการชุมนุมของกลุ่มเยาวชน นอกจากนี้ยังมีกระบวนการในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองย่อยๆภายในระยะเวลา20ปีที่ผ่านมา รวมถึงชุมนุมในโลกออนไลน์ ที่มีเหตุในการเข้าข้อกฎหมายด้วย

นายยุทธพร กล่าวต่อว่า กระบวนการตรงนี้เราได้จำแนกเกณฑ์ต่างๆในการพิจารณา โดยยึดเกณฑ์ใหญ่ที่สุด คือฐานความผิดที่มาจากแรงจูงใจทางการเมือง ทั้งที่ชัดเจน และไม่ชัดเจน โดย 1.ฐานความผิดที่มาจากแรงจูงใจทางการเมืองชัดเจน เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมโดยตรง เชื่อมโยงคดีอาญา คดีในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือคดีในการชุมนุมสาธารณะ รวมถึงบางช่วงเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายการทำประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี2560 ขณะที่ 2.ฐานความผิดฯที่ไม่ชัดเจน เป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำ เช่น พ.ร.บ.จราจร พ.ร.บ.ความสะอาด ซึ่งไม่ได้เป็นกฎหมายโดยตรงเกี่ยวกับการชุมนุม แต่เป็นผลที่เกิดขึ้นจากการชุมนุม

“เมื่อจำแนกออกมาเป็น2ส่วนแล้ว เราจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)นิรโทษกรรม ในวันนี้ หลังจากนี้จะมีการประชุมคณะอนุกมธ.ฯในสัปดาห์หน้า เพื่อปรับแก้ตามความคิดเห็นของกมธ.ชุดใหญ่ เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปว่า ทางเลือกที่1. คือใช้กฎหมายนิรโทษกรรม ที่ยังมีความจำเป็น เพราะในกระบวนการนิรโทษกรรม ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆจะนำไปปฏิบัติ ก็ต้องมีฐานทางกฎหมายในการให้อำนาจหน่วยงานฯไปดำเนินการต่อไป ส่วนทางเลือกที่2. ฐานความผิดบางฐานอาจยังไม่มีข้อสรุป หรือข้อยุติที่ตกผลึก อาจจะใช้มาตรการที่ไม่ใช่กฎหมายในการดำเนินการ ขณะที่ทางเลือกที่3. บางฐานความผิดซึ่งดำเนินคดีไปไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับสาธารณะ ท้ายที่สุดแล้วก็อาจต้องใช้กฎหมายอื่น เช่น พ.ร.บ.องค์กรอัยการ ตามมาตรา21 เพื่อให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง เช่น คดีเกี่ยวกับพ.ร.บ.จราจร และความสะอาด” นายยุทธพร กล่าว

เมื่อถามว่าทั้ง3ทางเลือกที่จะนิรโทษกรรมจะดำเนินการได้เมื่อไหร่ นายยุทธพร กล่าวว่า การนิรโทษกรรม เป็นเรื่องของสส. หลังจากที่กมธ.ชุดใหญ่มีข้อสรุป คาดว่าไม่เกินเดือนก.ค.จะได้ข้อสรุป เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ ทางสภาฯก็มีเอกสิทธิ์รับฟังข้อเสนอเหล่านี้ทั้งหมด หรือจะไม่ฟังก็ได้ หรือจะนำไปใช้บางส่วนก็ได้

เมื่อถามว่าการกระทำความผิดตามมาตรา112จะได้รับการนิรโทษกรรมด้วยหรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการหารือ ยังไม่มีข้อสรุป

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img