วันศุกร์, พฤษภาคม 17, 2024
หน้าแรกNEWSดราม่า“พิมรี่พาย”ทำ“ทักษิณ”หมดท่า!! หมดเวลา-อย่าเอาชีวิตคนเป็นเครื่องมือ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ดราม่า“พิมรี่พาย”ทำ“ทักษิณ”หมดท่า!! หมดเวลา-อย่าเอาชีวิตคนเป็นเครื่องมือ

ดราม่า “พิมรี่พาย vs โทนี่” ลามสู่วงการเมือง “หมอวรงค์” แขวะเจ็บ #หมดเวลาของนายทักษิณจริงๆ อยากแขวะรัฐบาล ดึงยูทูบเบอร์ดังมาเกี่ยว แต่สุดท้ายโดนสวนกลับอย่างแรง “อัษฎางค์” ขย่มซ้ำ อย่าเอาชีวิตคนอื่นมาเป็นเครื่องมือของตนอีกเลย เพราะทำธุรกิจยุคนี้ก็ยากเย็นอยู่แล้ว

จากกรณีที่ “พิมรี่พาย” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง ออกมาต่อว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ออกมาไลฟ์กับกลุ่มแคร์ คิดเคลื่อนไทย แสดงถึงวัสัยทัศน์เรื่องการจัดการโควิด 19 พูดคุยปัญหาเศรษฐกิจ ความโปร่งใส ไปจนถึงเรื่องนางงาม ซึ่งมีบางช่วงบางตอนที่พูดพาดพิงถึง “พิมรี่พาย” ว่า ‘ทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้คือ หาโรงพยาบาลสนามใกล้ ๆ จากสนามกีฬาหรือที่ที่เหมาะสม เพื่อแยกคนป่วยออกมาก่อน ถ้าตั้งโรงพยาบาลสนามแล้วมันแพง ก็ให้พิมรี่พายช่วยตั้งให้ได้’ จนทำให้ “พิมรี่พาย” ออกมาตัดพ้อนายทักษิณ ว่า ‘ดิฉันขอพูดหน่อยนะคะ ท่านอยู่ข้างนอกประเทศ ท่านจะพูดอะไรก็ได้ แต่คนที่อยู่ในประเทศจะซวยเอานะคะ ได้โปรดอย่าลากดิฉันไปเกี่ยวข้องนะคะ กราบขอร้องทุก ๆ คน หรือทุก ๆ สื่อ ทุก ๆ ทีมงาน ดิฉันยังอยากทำบุญต่อ อย่าให้ดิฉันซวยเลยค่ะ ท่านพูดทีนึง อีกฝ่ายก็ด่าดิฉัน ท่านพูดรู้เรื่องมั้ยคะ อีกฝ่ายหนึ่งพูดอีกที ก็ด่าดิฉันอีก มันใช่เรื่องที่จะมาโดนด่าไหม…ดิฉันยังอยากอยู่ในประเทศนะคะ ยังไม่อยากตายที่ต่างประเทศ ดิฉันอยากอยู่ต่อ อยากทำความดี ดิฉันมีโปรเจกต์ทำความดีมากมาย อย่าเอาดิฉันไปเหน็บแนม อย่าแปลเจตนาดิฉันผิด ขอบพระคุณค่ะ’ จากนั้นก็เกิดกระแสดราม่าบนโลกออนไลน์ จนทำให้ #พิมรี่พาย ขึ้นติดชาร์จบนทวิตเตอร์

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 20 พ.ค.64 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี แสดงความเห็นว่า #หมดเวลาของนายทักษิณจริงๆ การที่นายทักษิณออกมาแขวะรัฐบาล โดยอาศัยชื่อเสียงของพิมรี่พาย ยูทูบเบอร์ชื่อดัง แต่ท้ายที่สุด ก็โดนสวนกลับอย่างแรง อย่างตรงไปตรงมา ชนิดที่ต้องหายจากหน้าจอไปอีกนาน นายทักษิณต้องรู้ตัวได้แล้วว่า ช่วงโควิดนี้ สังคมไทยเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะดารา เซเล็ป เขากล้า เขาไม่กลัว ใช้ข้อมูล ใช้ความจริง บนเหตุและผล คนที่รวยจากการผูกขาดสัมปทานรัฐ คงไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงนี้ ผมดูแล้ว ไม่รู้ว่า นายทักษิณจะรู้ตัวไหมว่า หมดเวลาของนายทักษิณแล้วครับ “แม้ช่วงหนึ่งจะเป็นดวงอาทิตย์ แต่อาทิตย์ดวงนี้ ก็กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว”

ขณะที่ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ แสดงความเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า “พิมรี่พาย”พิมพ์…แบบนี้มีพิมเดียว ไม่แน่ชัดว่าในใจพิมจะนิยมการเมืองฝ่ายไหน แต่ส่วนตัวผมยังเชื่อว่า พิมวางตัวเป็นแม่ค้าคนหนึ่งเท่านั้น ที่ไม่ได้อยากเกี่ยวข้องกับการเมือง ผมยังเชื่อว่าพิมฉลาดพอที่จะอยากอยู่ตรงกลาง เพื่อค้าขาย แต่การเมืองมักดึงเธอมาเป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะฝั่งสามกีบ รวมทั้งทักษิณ

การที่เธอทำบุญ บางคนอาจมองว่า มันคือส่วนหนึ่งของการค้า การโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่ผมยังมองว่าเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ บริษัทเอกชนทั่วไป ทั่วโลก ที่ทำธุรกิจใดๆ ก็มักคืนกำไรให้กับสังคม ในรูปแบบต่างๆ แล้วเขาก็ใช้ ส่วนในการคืนกำไรให้กับสังคม มาส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กร ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากของการทำธุรกิจ จุดประสงค์หลักอันดับ 1 ขององค์กรธุรกิจ หรือนักธุรกิจ ก็คือ “ยอดขาย” และ “กำไร” เพราะฉะนั้นการทำบุญแล้วยังนำมาใช้เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กรหรือส่งเสริมยอดขาย ก็เป็นเรื่องปกติของธุรกิจ แต่อย่างน้อย ธุรกิจที่มุ่งหวังกำไร ยังมีใจที่จะ คืนกำไรให้กับลูกค้าและสังคม สมควรได้รับความยกย่องและส่งเสริม

แต่ปัญหาที่เกิดกับพิม คือ เธอถูกสมาคมสามกีบ ดึงไปเป็นพวก โดยที่เธอยังไม่เคยประกาศว่าเธอเลือกข้างหรือนิยมขั้วการเมืองใด เพราะฉะนั้นเวลาเธอมีคลิปไปทำบุญที่ใด ก็จะถูกสมาคมสามกีบนำไปเมาส์ หรือนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อโจมตีสถาบันฯ โจมตีรัฐบาลเรื่อยมา

แม้กรณีล่าสุดที่ทักษิณพูดถึงเธอเพียงไม่กี่วินาที ก็เกิดกระแสดราม่าสนั่นโลก แต่เธอก็ออกมาพูดชัดๆ ว่าเธอคือแม่ค้าออนไลน์ธรรมดาคนหนึ่ง อย่าเอาเธอไปโยงกับการเมือง สมมติว่า ในใจของพิมจะนิยมสมาคมสามกีบ แต่เธอก็ไม่เคยทำอะไรแล้วโยงการเมืองเหมือนพวกสามกีบ หรือสมมติว่าในใจของพิม จงรักภักดีต่อสถาบันฯ เธอก็ไม่เคยแซะพวกสามกีบเลยเหมือนกัน เพราะพิมชัดเจนว่า ตัวเธอเอง เป็นเพียงแม่ค้า ที่ต้องการจะค้าขาย เท่านั้น

ผมว่า ต้องให้ความยุติธรรมกับพิมด้วย คนเราทุกคนจะมีความนิยมในเรื่องใดๆ รวมทั้งนิยมขั้วการเมืองใด เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่มันจะไม่ธรรมดาถ้าเอาชีวิตไปโยงกับขั้วการเมืองทุกฝีก้าว ทุกลมหายใจเข้าออก ผมยังเชื่อว่า ทุกอย่างที่พิมทำ ทั้งการขายของและการทำบุญทำทาน นั้นทำเพื่อธุรกิจของเธอ ไม่ได้ทำเพื่อแซะหรือโยงการเมือง

เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นขั้วการเมืองใด ก็ไม่ควรใช้เธอหรือใครเป็นเครื่องมือทางการเมือง ไม่อย่างนั้น ทุกคน ทุกชีวิตและทุกธุรกิจในเมืองไทยจะอยู่กันยังไง สถานการณ์โควิดพ่นพิษอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจ องค์กรธุรกิจต่างๆ ทุกแห่งต้องงัดทุกกลยุทธ์ออกมารับมือ ซึ่งการแข่งขันกันทางธุรกิจในยุคนี้ก็ยากเย็นแล้ว ยังต้องมีการเมืองมายุ่งให้มันวุ่นวายเพิ่มขึ้นไปอีก เบาได้ก็เบาบ้าง อย่าเอาชีวิตคนอื่นมาเป็นเครื่องมือของตนอีกเลย โทนี่ เอกนู้น

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img