ส.ว. ห่วงงานปฏิรูปด้านปราบโกง แฉมีคนเสียประโยชน์ดันแก้กม.จัดซื้อจัดจ้าง หวังตัดภาคประชาชนร่วมสอบ พบผลประเมินทุจริตองค์กรไทยไม่ตรงกับผลประเมินองค์กรสากล
เมื่อวันที่ 17 ส.ค.64 ที่รัฐสภาในการประชุมวุฒิสภา มีการพิจารณารายงานผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี 2563 เกี่ยวกับประเด็นการปฎิรูปประเทศด้านการปัองกันและปราบการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยนายประมนต์ สุธีวงศ์ ส.ว. อภิปรายว่า ตนเป็นห่วงในประเด็นการปฏิรูปบางเรื่องที่สำเร็จแล้ว แต่การปฏิบัติไม่ยั่งยืน เพราะมีการแทรกแซงจากผู้เสียผลประโยชน์ ทำให้ผู้ปฏิบัติเกิดความลักลั่น โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐตามกฎหมายปัจจุบัน ได้นำข้อตกลงที่มีคุณธรรมเพื่อกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง ให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส แต่ร่างพ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ไม่สมบูรณ์จึงมีการเสนอให้แก้ไข ทำให้เปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดี หรือแก้ไขมาตราที่กำหนดให้ใช้ข้อตกลงคุณธรรม เห็นรายละเอียดที่ขอแก้ไขแล้ว ทำให้ตนมีข้อกังวล
“ช่วง 4 ปีที่ผ่านมามีโครงการที่นำข้อตกลงคุณธรรมใช้ เทียบเป็นมูลค่างบประมาณถึง 4 แสนล้าน พบว่าทำให้ได้ผลการประมูลที่ต่ำกว่าราคากลาง เกือบแสนล้านบาท หรือคิดเป็น 26 % เพราะประชาชนมีส่วนร่วม ทำให้การแข่งขันเป็นธรรม ที่สำคัญ คือ ข้าราชการสบายใจ ไร้ใบสั่ง หรือการแทรกแซง” นายประมนต์ กล่าว
ด้านนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ส.ว. อภิปรายว่า สำหรับการประเมินด้านความโปร่งใสในองค์กร พบว่าไม่สอดคล้องกับการประเมินของหน่วยงานองค์กรเพื่อความโปร่งใส (ทีไอ) ที่ใช้การประเมินลักษณเดียวกัน เช่น กรณีประเมินหน่วยงานว่ารับสิ่งของหรือของขวัญในเทศกาลต่างๆ ซึ่งของไทยประเมินจากเจ้าหน้าที่รัฐในของหน่วยงาน ทำให้ได้ข้อมูลต่างๆ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เมื่อเปรียบเทียบของทีไอ ที่ประเมินผู้ใช้บริการของหน่วยงานรัฐ พบว่าภาพรวมต่างกัน มีการรับสินบน 24% และใช้ความสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อรับผลประโยชน์ 27% ขณะที่หน่วยงานของไทยระบุว่าไม่มี นอกจากนั้นการประเมินของทีไอ พบว่าบางหน่วยรับผลประโยชน์สูงมาก ดังนั้นควรได้รับการปรับปรุงการประเมิน