วันเสาร์, พฤษภาคม 18, 2024
หน้าแรกNEWS“บิ๊กป้อม”ปล่อยมุก”บ่ายแล้วก็ง่วงหน่อย” ขณะตรวจเยี่ยมอ่างเก็บน้ำแม่สอดตอนล่าง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“บิ๊กป้อม”ปล่อยมุก”บ่ายแล้วก็ง่วงหน่อย” ขณะตรวจเยี่ยมอ่างเก็บน้ำแม่สอดตอนล่าง

“ประวิตร”​ ตรวจเยี่ยมอ่างเก็บน้ำแม่สอดตอนล่าง ปล่อยมุก “บ่ายแล้ว ก็ง่วงหน่อย” ย้ำรัฐบาลทำทุกอย่างให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

 เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่อ่างเก็บน้ำห้วยแม่สอดตอนล่าง จ.ตาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการน้ำ อ่างเก็บน้ำแม่สอด​ตอนล่าง​ ภายใต้การดำเนินการกรมชลประทาน​ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ (ส​ทนช.)โดยได้เดินชมอ่างเก็บน้ำ​ พร้อมสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับอ่างเก็บน้ำ พร้อมกล่าวว่าเห็นน้ำแบบนี้ไม่มีวันหมด

ทั้งนี้อธิบดีกรมชลประทาน บรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำ ว่าปัจจุบันมีโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สอดตั้งอยู่ ต.พระธาตุผาแดง อ.แม่สอด สร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 40 เพื่อบรรเทาอุทกภัยพื้นที่เทศบาลแม่สอด เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค ของราษฎร มีลักษณะเป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียว ความยาว 440 เมตร ขนาดความจุ 5.5 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่ชลประทานได้ราว 10,000 ไร่ และโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สอดตอนบน จ.ตาก เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วมประจำทุกปี ซึ่งสร้างแล้วเสร็จในปี 64 เป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียว ความยาว 350 เมตรความจุ 13 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำใช้ในการเพาะปลูกอุปโภคบริโภค และส่งน้ำช่วยเหลือราษฎรได้ 4,500 ไร่ (474 ครัวเรือน) สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในอนาคตมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ จ.ตาก จำนวน 110 โครงการวงเงิน 32,000 ล้านบาท หากแล้วเสร็จจะสามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มขึ้นอีก 644 ล้านลูกบาศก์เมตร และจะมีพื้นที่ชลประทานเพิ่มขึ้น 678,154 ไร่

อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการบรรเทาอุทกภัยเร่งด่วน มี 2 โครงการ ได้แก่ โครงการประตูระบายน้ำ บ้านแม่สลิด ผันน้ำวังลงน้ำปิง โดยสนง.ชลประทานที่ 4 ได้ดำเนินการผันน้ำเข้าแก้มลิงฝั่งซ้ายและฝั่งขวาแม่น้ำวัง สำหรับแผนระยะยาวมีโครงการคลองผันน้ำแม่น้ำวัง ลงแม่น้ำปิง เพิ่มอีก 3 แห่ง และยังมีโครงการปรับปรุงแก้มลิงหนองจะเข้ ต.ยกกระบัตร อ.สามเงา จ.ตาก มีความจุ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่แก้มลิง 850 ไร่ มีแผนปรับปรุงเพิ่มความจุเป็น 6 ล้านลูกบาศก์เมตร ภายในอีก 3 ปีข้างหน้าเพื่อช่วยบรรเทาอุทกภัย และภัยแล้งในพื้นที่ต่อไป นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตรยังได้กำชับสทนช. และเน้นย้ำกรมชลประทาน ให้ดำเนินการตาม 13 มาตรการฤดูฝนอย่างเคร่งครัดเพื่อลดผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ และไหลลงสู่ภาคกลาง ปริมณฑล-กรุงเทพฯด้วย

พล.อ.ประวิตร​ กล่าวขอบคุณประชาชนที่มาต้อนรับ พร้อมปล่อยมุก​ “บ่ายแล้ว ก็ง่วงนอนหน่อยนะ” การมาตรวจราชการในวันนี้มาในพื้นที่จ.ตาก มาประชุมแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ก็มาอีกครั้ง ได้รับทราบข้อมูลและภาพรวมของทุกคนและที่ดินทำกินในทุกพื้นที่ เมื่อเช้าไปแจกพื้นที่ทำกินให้กลับประชาชนให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยและไม่มีที่ทำกิน ซึ่งรัฐบาลพยายามทุกอย่างในเรื่องที่ดินทำกิน เรื่องน้ำ ที่จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี รัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้ทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นซึ่งเป็นความต้องการของรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวอีกว่า ตนมาตรวจสถานการณ์ชายแดน และสถานการณ์น้ำทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องสถานการณ์ชายแดนได้รับทราบถึงปัญหาต่างๆ ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 3 ได้ทำไว้ได้ดี ไม่มีความขัดแย้งกับชนกลุ่มน้อย และเมียนมา เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร เพียงแต่รุกล้ำอธิปไตยเราก็จะต้องมีการเรียกร้องไป ทำอะไรข้ามมาในนี้ไม่ได้ เพราะเราเป็นประเทศสันติ เราก็พูดคุยกับเมียนมาได้ พูดคุยกับคนชนกลุ่มน้อยได้ เราไม่เอาตัวไปเป็นคู่ขัดแย้ง​

สำหรับจ.ตาก เป็นพื้นที่ท้ายน้ำต้องเก็บน้ำเอาไว้ วันนี้เก็บได้ 4.4 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างด้านบน มีอยู่ประมาณ 5.5 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถที่จะมาเติมได้ตลอดเวลา ดังนั้นในเรื่องน้ำประปาไม่มีการขาด ขอให้ประชาชนรับทราบไว้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การบริหารจัดการน้ำอย่างมีระบบ ตนได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วน ได้มีการจัดสรรน้ำใช้สำหรับอุปโภคบริโภค และการเกษตร ตลอดฤดูกาลให้ได้ จะต้องไม่แล้ง​ และหากปล่อยน้ำมากก็จะไม่มีน้ำ ในฤดูแล้งน้ำก็จะแห้ง จึงจำเป็นต้องมีการเก็บน้ำไว้ที่อ่างเก็บน้ำต่างๆ รัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของ

รัฐบาลพร้อมอำนวยประโยชน์ ให้ประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อยให้สามารถที่จะมีที่อยู่ที่อาศัยที่ทำกิน สามารถอยู่ดีกินดีขึ้น พร้อมกับถามว่าใคร​ มีอะไรจะพูด​ จะคุยกับตนหรือไม่ ซึ่งมีประชาชนถามเรื่องที่อยู่อาศัย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า​ขณะนี้พยายามทำอยู่แล้ว พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องเขตป่าไม้การเข้าทำเกษตรกรรมในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม​ ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมากว่า 60 ปี พร้อมขอให้ส่งรายละเอียดมายังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)

จากนั้นพล.อ.ประวิตร ได้เดินพบปะกับประชาชน พร้อมกับชวนชาวบ้านถ่ายรูปด้วยกันอย่างเป็นกันเอง ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img