วันอาทิตย์, พฤษภาคม 19, 2024
หน้าแรกNEWS“ตู่-นิติธร”เตือน3ป.ไม่โง่เชื่อวางเกมขุดกับดัก ทำนักการเมืองเสื่อมฟันธงไม่มีลต.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ตู่-นิติธร”เตือน3ป.ไม่โง่เชื่อวางเกมขุดกับดัก ทำนักการเมืองเสื่อมฟันธงไม่มีลต.

จตุพร-นิติธร” ยกคติธรรมปลุกประชาชน ทลายวงจรอุบาทว์การเมือง 90 ปี เปิดทางสู่อธิปไตยปวงชน เตือน 3 ป.ไม่โง่ เชื่อวางเกมขุดกับดักทำนักการเมืองเสื่อม ยันไม่มีเลือกตั้ง แถมถูกขยี้ซ้ำด้วยรัฐประหาร หวังควบคุมอำนาจรัฐบาลยาวนาน

เมื่อ 16 ต.ค. 65 นายจตุพร พรหมพันธุ์และนายนิติธร ล้ำเหลือ คณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ธงไชย คำวิเศษณ์ ดำเนินรายการ โดยยกคติธรรมพระพุทธเจ้าที่กล่าวถึง “เวียน ว่าย ตาย เกิด” มาแลกเปลี่ยน โยงใย และเปรียบเทียบวงจรอุบาทว์ทางการเมืองของไทย พร้อมเรียกร้องพรรคการเมืองและประชาชนร่วมมือกันทำลายให้สิ้นซาก เพื่อเปิดทางโล่งไปสู่การเวียนว่ายตายเกิดในวังวนที่ดีด้วยอำนาจอธิปไตยของปวงชน


นายนิติธร กล่าวว่า คติธรรมของพระพุทธเจ้าที่ว่า เวียน ว่าย ตาย เกิด แสดงถึงสรรพสิ่งต้องดิ้นรนเอาตัวรอด สำหรับมนุษย์สิ่งนี้เป็นวงจรชีวิต ถ้าเทียบกับวงจรอุบาทว์ทางการเมืองที่มีองค์ประกอบซ้ำซากย้อนวนแบบเดิมๆ คือ มีเลือกตั้ง-ได้รัฐบาลทุจริตล้มเหลว-ถูกยึดอำนาจ-เขียน รธน.ใหม่ วนรอบเช่นนี้ในการเมืองไทยมา 90 ปี นับแต่เปลี่ยนแปลงประเทศเมื่อปี 2475 เรื่อยมา
เช่นเดียวกับวงจรตั้งพรรคพลังประชาชน (พปชร.) ไม่แตกต่างจากอดีตทหารยึดอำนาจ คือ เขียน รธน.ค้ำยันอำนาจรัฐประหาร (รปห.) จากนั้นผ่องถ่ายสู่ตั้งพรรคการเมืองดูด ส.ส.มาเป็นฐานค้ำยัน แล้วผ่อนคลายความเข้มข้นให้มีเลือกตั้งเพื่อกุมอำนาจรัฐบาลต่อเนื่อง ถึงที่สุดเกิดวงจรนักการเมืองแย่งชิงการเป็นรัฐบาลอีก ซึ่งเป็นวงจรซ้ำซาก ไม่เคยเปลี่ยนจากการเมืองไทย ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศเลือกตั้ง พรรคการเมืองจึงดิ้นรนหาอำนาจ สร้างเครือข่าย ผลประโยชน์ นำไปสู่ประชาชนต่อสู้แย่งชิง ล้มตาย แล้วเวียนว่ายสู่วงจรการเมืองเดิมๆ อีก ส่วนนักการเมืองไม่ประสีประสาตามเดิม และยังข้ามไม่พ้นวงจรอุบาทว์ได้เลย


“ถ้าอยากให้หลุดพ้นวงจรการเมืองอุบาทว์แบบนี้ ต้องสร้างความสามัคคี มีจิตวิญญาณการต่อสู้ให้ ประชาธิปไตยกลับคืนมาให้ได้ รวมถึงประชาชนต้องฝึกฝนตนเองให้แหลมคมเพื่อหยุดวงจรอุบาทว์นี้ให้ได้ เพราะนักการเมือง ทหาร ทุน ไม่เคยคิดหยุดวงจรแบบนี้ ดังนั้น จึงเหลือเพียงประชาชนที่ได้เข้าแทรกในวงจรเหล่านี้ทุกครั้ง เช่น การต่อสู้เมื่อ 14 ตุลา มาถึงพฤษภา 2535 แล้วมาชุมนุมช่วงปี 2539-2557 ซึ่งพยายามหยุดวงจรอุบาทว์ทางการเมือง แต่หยุดไม่เคยได้”
พร้อมย้ำว่า วันนี้ประเทศต้องเปลี่ยน เพราะภูมิรัฐศาสตร์กำลังเปลี่ยน เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศมาสู่จุดต่ำสุด เนื่องจากไม่ได้บริหารด้วยการยึดหลักกฎหมายและหลักธรรม มีแต่ใช้อารมณ์กับการเลือกข้าง แบ่งฝ่าย ยิ่งกว่านั้น ในสถานการณ์เลือกตั้งใต้กติกา รธน. 60 ก็เกิดวงจรซ้ำซากอีกเช่นเดิม ดังนั้น จึงขึ้นกับประชาชนจะตัดวงจรนี้หรือเปล่า


ส่วนประชาชนยังเชื่อนักการเมืองอยู่นั้น นายนิติธร ย้อนถามว่า สิ่งที่คุมเราอยู่เป็นการใช้กฎหมายหรือไม่ แต่ตนเชื่อว่าคือการกดขี่ อีกทั้งคงจำภาพการประชุมที่สโมสรกองทัพบกช่วงปี 2557 ที่เรียกฝ่ายชุมนุมสองพวกมาเจรจากัน แล้วทหารถือโอกาสยึดอำนาจทันที ดังนั้น ภาพแบบนี้จะเกิดขึ้นอีก เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกนักการเมืองมาถามถึงการเลือกตั้งจะใช้วีธีการไหน เมื่อตกลงไม่ได้ก็ยุบสภา จากนั้นไม่เหลืออะไรเลย เลือกตั้งก็ไม่ได้ และพล.อ.ประยุทธ์ อยู่รักษาการนายกฯ ยาว ยิ่งกว่านั้น กลุ่ม 3 ป.ก็จะส่งผ่านสถานการณ์นำไปสู่การ รปห.อีกครั้ง


“โดยพวก 3 ป.ก็อ้างว่าเขาไม่เกี่ยว พวกคุณ (นักการเมือง) ทำกันเอง เมื่ออะไรก็ไม่เอา จึงต้อง รปห. ดังนั้น เขารู้มากในสิ่งที่คุณไม่รู้อะไรเลย เพราะความอยากเลือกตั้งเป็นเหตุ”


นอกจากนี้ นายนิติธร ย้ำถามว่า นักการเมืองรู้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้เวลาในตำแหน่งนายกฯ ที่เหลือ 2 ปีวันไหน อีกอย่างสงสัยหรือไม่ว่า ปรากฎการณ์ของโน้ต-อุดม เป็นแรงกระเพื่อมทางสังคมที่สูงมากได้อย่างไร แต่กลุ่ม 3 ป. กลับนิ่งเฉย เงียบไม่มีใครพูดอะไร ซึ่งเป็นสัญญาณบีบกดให้คนเดินไปบนทางเวียน ว่าย ตาย เกิด ในวงจรอุบาทว์อีกครั้งและคงหนีไม่พ้น


“ดังนั้น หากนักการเมืองไม่เริ่มทำการเปลี่ยนแปลงใหม่ ก็เจอ รปห.แน่นอน ต้องรีบสร้างป้อมปราการของประชาชนไม่เอา 3 ป. แล้วเดินหน้านับหนึ่งสร้างประเทศกันใหม่”


ด้านนายจตุพร กล่าวว่า คณะหลอมรวมฯ ต้องการให้ประเทศหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ ซึ่งได้ผู้ปกครองจากกลุ่ม ทุน ขุนศึก นักการเมือง เป็นองค์ประกอบร่วมกันเข้าไปจัดการบริหารแบ่งปั่นงบประมาณแผ่นดิน แต่ประเทศไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรดีขึ้นเลย
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อมีสัญญาณเลือกตั้ง นักการเมืองมักปลุกความแตกแยกขึ้นเป็นปกติ เพราะเชื่อว่า การโหมแตกแยกทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มสูง ส่วนทหารจ้องดูความแตกแยกนี้เช่นกัน เมื่อนักการเมืองคิดแต่เลือกตั้ง ไม่ยึดมั่นแก้ รธน.ใหม่เพื่อสร้างประชาธิปไตย โดยเชื่อว่า จะทำให้มีเลือกตั้งช้า ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด แต่ในความเป็นจริงคือ ไม่แก้ รธน. ยิ่งไม่มีเลือกตั้งมากกว่า ดังนั้น นักการเมืองอย่าเอาแต่โลกสวยด้วยมุ่งหาแต่ประโยชน์ส่วนตัวแล้วละเลยประโยชน์ประเทศ


“วันนี้ประยุทธ์ คุมไพ่เบ็ดเสร็จ แต่ฝ่ายการเมืองยังโลกสวย เห็นแก่ได้ ถ้านักการเมืองไม่ลุกขึ้นมาร่วมมือกับประชาชนสร้าง รธน.ใหม่ คุณจะไม่ได้รับการเลือกตั้งเลย เพราะ 3 ป.จะไม่ให้มีเลือกตั้ง เนื่องจาก รธน.เป็นปัญหา คือเครื่องมือของระบอบ 3 ป. เราเห็นสถานการณ์นี้ เนื่องจากกฎหมายลูก ทำให้คุณเดินไปสู่กับดัก และยังชะเง้อดูเจ้าของพรรคคิดอะไร ขณะที่พูดความจริงไม่ได้ เขาไม่ฟัง เพราะอยากฟังในสิ่งที่ตัวเองต้องการฟัง”
อีกทั้ง ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยุบสภาตามคำเรียกร้องของประชาชน เมื่อขณะนี้ไม่มีกฎหมายเลือกตั้ง-พรรคการเมือง กกต.ก็จัดเลือกตั้งไม่ได้ แล้วยังไม่มีอะไรจะแก้ปัญหาได้ สถานการณ์นำไปสู่เดดล็อกทางการเมืองอีก ยิ่งไปคิดเลือกตั้งแล้วแก้ รธน. แต่เชื่อว่า ไม่ได้แก้ ถ้าแก้ได้ คงแก้ไปแล้วในช่วงเกือบ 4 ปีที่อยู่ในสภา


“ทำไมไม่ทำให้ถูกต้องก่อน ซึ่งประเทศจะไม่ต้องเดินไปเสี่ยงกับไม่มีเลือกตั้งอีก โดยความเสี่ยงนั้นเกิดจากจิตของพวกนักการเมืองทั้งสิ้น เป็นจิตใจเห็นแก่ได้ ขี้แพ้ และเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว ฟังผมนะ น้ำหน้าของพวกคุณเห็นแค่การชนะด้วยจำนวนเท่าไร แต่ไม่สนใจว่าประเทศ ประชาชน และโลกความเป็นจริงเป็นอย่างไร”


พร้อมกล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบัน เหมือนกับ 3 ป.จงใจให้ พปชร.แพแตก เพื่อให้พวกแลนด์สไลด์ดีใจมีความหวัง ส่วนพรรคประกาศเป็นฝ่ายประชาธิปไตยก็เอาพวกนักการเมืองสีเทาดำเข้าพรรคแล้วโหมบอกเป็นคนดี สิ่งนี้บ่งบอกถึงความเสื่อม ชี้ถึงการเมืองเละ ต่ำทราม ดังนั้น ไม่มีวันข้ามพ้นและยังเวียนว่ายตายเกิดในวังวนอุบาทว์ วันนี้ถ้าไม่เริ่มนับหนึ่งที่ถูกต้อง ก็จะผิดกันอีก”


นายจตุพร กล่าวว่า ขอให้นักการเมืองคิดอย่างช้า ความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองกับประชาชนนั้น ไม่สามารถหยุดยั้งการยึดอำนาจได้ โดยมีตัวอย่างการรัฐประหารพรรคไทยรักไทย และเพื่อไทยที่ แต่ฐานเสียงเลือกตั้ง 19 ล้านเสียงก็ไม่ออกมาร่วมปกป้องประชาธิปไตยเลย แสดงว่า ความสัมพันธ์ยังไม่แน่นเหนียว


วันนี้เกิดช่องว่างที่ดี เมื่อรัฐบาลอ่อนแอทางความรู้ของประชาชน ซึ่งเป็นจุดอ่อน แต่นักการเมืองกลับฝันหวานกับความอยากทางอำนาจที่จะได้รับ โดยคิดว่า 3 ป.โง่ เดี๋ยวก็ไป ดังนั้น นักการเมืองจึงไม่ได้จัดการประเทศใหม่เลย แล้วทำไมไม่คิดร่วมมือกับประชาชนจัดการประเทศใหม่ก่อน แล้วจึงเลือกตั้ง

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img