วันศุกร์, พฤษภาคม 17, 2024
หน้าแรกNEWSครม.เห็นชอบเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายหัวการศึกษาขั้นพื้นฐานหลังจากไม่ได้ปรับกว่า10ปี
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ครม.เห็นชอบเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายหัวการศึกษาขั้นพื้นฐานหลังจากไม่ได้ปรับกว่า10ปี

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการการปรับอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวสำหรับผู้เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในลักษณะงบประมาณผูกพันต่อเนื่อง 4 ปี หลังจากไม่ได้ปรับกว่า 10 ปี

เมื่อวันที่ 26 ก.ค.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบหลักการการปรับอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวสำหรับผู้เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในลักษณะงบประมาณผูกพันต่อเนื่อง 4 ปี ตั้งแต่ปี 66-69 ครอบคลุมการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ของสถานศึกษารัฐและเอกชน การจัดการศึกษาโดยครอบครัวและสถานประกอบการ

สำหรับกรอบวงเงินงบประมาณในแต่ละปีมีรายละเอียดดังนี้ ในปีที่ 1 ปี 66 งบประมาณ 48,741.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 65 จำนวน 2,259.22 ล้านบาท ปีที่ 2 ปี 67 งบประมาณ 50,399.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 66 จำนวน 1,657.50 ล้านบาท  ปีที่ 3 ปี 68 งบประมาณ 52,612.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 67 จำนวน 2,213.16 ล้านบาท  ปีที่ 4 ปี 69 งบประมาณ 54,548.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 68 จำนวน 1,936.58 ล้านบาท รวมเงินอุดหนุนระยะเวลา 4 ปี 206,301.88 ล้านบาท

น.ส.ไตรศุลีกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณในลักษณะของเงินอุดหนุนตามจำนวนผู้เรียนผ่านสถานศึกษาเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี สำหรับค่าใช้จ่ายพื้นฐาน 5 รายการหลัก ได้แก่ ค่าจัดการเรียนการสอน ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียน และค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน

อย่างไรก็ตามจากผลการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่าอัตราเงินอุดหนุนปัจจุบันต่ำกว่าค่าใช้จ่ายจริงและไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนและสถานศึกษา ซึ่งเป็นอัตราที่ไม่ได้มีการปรับมามากกว่า 10 ปี โดยปรับครั้งสุดท้ายในปีการศึกษา 53 ยกเว้นค่าหนังสือเรียนที่มีการปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาสินค้าบริการและค่าครองชีพปรับเพิ่มสูงขึ้นทุกปีตามสภาพเศรษฐกิจสังคม ส่งผลให้สถานศึกษาจำเป็นต้องระดมเงินสนับสนุนจากแหล่งอื่น เช่น เงินค่าบำรุงการศึกษา เงินบริจาคเงินรายได้สถานศึกษา โดยผู้เรียนและผู้ปกครองต้องรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาที่เพิ่มขึ้น

สำหรับการปรับอัตราเงินอุดหนุนในครั้งนี้ เป็นการปรับอัตราให้สอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้เรียน ผู้ปกครอง และสถานศึกษาสามารถพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น ผู้เรียนทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ลดอุปสรรคสำคัญในการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อของผู้เรียนโดยเฉพาะผู้เรียนยากจน

ทั้งนี้ ในการปรับปรุงอัตราเงินอุดหนุน กระทรวงศึกษาธิการได้ใช้ข้อมูลจำนวนนักเรียนและข้อมูลนักเรียนยากจน ณ ปี 64 ซึ่งมีนักเรียนยากจนคิดเป็นร้อยละ 18 ของนักเรียนทั้งหมด ในการนำมาประเมินแนวโน้มใน 4 ปีข้างหน้า พร้อมกับพิจารณาถึงอัตราการเปลี่ยนแปลงของจำนวนผู้เรียนการศึกษาในระบบและนอกระบบ ซึ่งในส่วนของการศึกษาในระบบปี 60-63 มีจำนวนผู้เรียนลดลงร้อยละ 0.8 ขณะที่การศึกษานอกระบบ ปี  61-65 ผู้เรียนลดลงประมาณร้อยละ 8.7 ต่อปี

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img