วันศุกร์, พฤษภาคม 17, 2024
หน้าแรกHighlightการเมืองลากยาว-เก็บภาษีหุ้น ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

การเมืองลากยาว-เก็บภาษีหุ้น ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน

นักลงทุนหวั่นการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า-เก็บภาษีหุ้นกระทบความเชื่อมั่น ชี้หมวดท่องเที่ยวน่าลงทุนสุดรับเศรษฐกิจฟื้น ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี-ปัจจุบันกว่า 1.18 แสนล้านบาท

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนก.ค. 2566 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-31 ก.ค. 2566)  พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 83.45 ปรับขึ้นเล็กน้อย 2.2% จากเดือนก่อนหน้าอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”

โดยนักลงทุนมองว่าการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และการไหลเข้าของเงินทุน

สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล รองลงมาคือการประกาศจะจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Financial Transaction Tax: FTT) และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนกรกฎาคม 2566 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ตุลาคม 2566) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ปรับขึ้นเล็กน้อย 2.2% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 83.45 ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”  ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา”

หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)

หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK)

ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจเดือนก.ค. ที่ผ่านมารายกลุ่มนักลงทุน พบว่ามีเพียงความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศปรับลดลง 33.3% อยู่ที่ระดับ 66.67  ขณะที่กลุ่มอื่นปรับเพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 42.7% อยู่ที่ระดับ 93.94 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 125.0% อยู่ที่ระดับ 112.5 และกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 16.7% อยู่ที่ระดับ 100 

สำหรับ SET Index ผันผวนตลอดเดือนก.ค. 2566 จากปัญหาเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่ไม่มีความชัดเจนและยังไม่สามารถเสนอชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ อีกทั้งแรงขายสุทธิต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ  และประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2566 ถูกปรับลดลงจาก 3.6% ของ GDP ที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน มาอยู่ที่เฉลี่ย 3.5% สาเหตุจากการคาดการณ์รายได้นักท่องเที่ยวลดลง

รวมทั้งการส่งออกชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ของปีนี้ โดย SET Index ณ สิ้นเดือนก.ค.  ปิดที่ 1,556.06 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนก.ค.66 อยู่ที่ 46,002 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 12,558 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ของปีนี้ โดยตั้งแต่ต้นปี 66-ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมกว่า 118,181 ล้านบาท

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ นโยบายการเงินของ FED ที่คาดว่าจะยังไม่ลดดอกเบี้ยในเร็ววันนี้เนื่องจากโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐอาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสูงอีกครั้ง รวมถึงภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งอาจกระทบภาคการส่งออกและท่องเที่ยวของไทย

ส่วนปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การเลือกนายกรัฐมนตรีและการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหากล่าช้าจะกระทบต่อเศรษฐกิจและงบประมาณปี 67 ความขัดแย้งทางการเมืองหลังการเลือกตั้งที่อาจนำไปสู่การก่อความไม่สงบ การชะลอตัวของภาคการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการแข็งค่าของค่าเงินบาท

ทั้งนี้จากการที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังคงซบเซาจากแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง  รวมถึงสถานการณ์ภาคท่องเที่ยวในประเทศที่อาจไม่โตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img