CEO OR “ดิษทัต ปันยารชุน” ประกาศวิสัยทัศน์ นำทัพขับเคลื่อนธุรกิจ OR ยุคต่อจากนี้ เน้นการใช้ Data Driven ในการวางยุทธศาสตร์ ดูข้อมูลทุกเซกเม้นต์ทั้งยอดขาย-กำไร-ขาดทุน ได้แบบเรียลไทม์ ไม่ต้องมารอผลประกอบการรายไตรมาส
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจของ OR ในยุคต่อไปว่า สิ่งที่ OR ทำมาตลอด 20-30 ปี ที่เราต้องการมากคือ “ดาต้าเบส” ของคนที่ OR ทำธุรกิจด้วย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าและคู่ค้าที่มารับสิทธิทำธุรกิจร่วมกับ OR ล่าสุดเรามีสมาชิกบลูการ์ด 8-9 ล้านราย ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ทรงพลังมากๆ ที่เราให้ความสำคัญกับดาต้าเบส เพราะอยู่ระหว่างการนำดาต้าเบสนี้มาใช้ประโยชน์ ในอนาคตบอกเลยว่า จะเห็น OR ไปในทิศทางที่แตกต่างกับปัจจุบัน โดย OR จะเก็บดาต้าเบส และเอา AI มาจับพฤติกรรมการทำกิจกรรมของลูกค้าที่เข้ามาในสถานีบริการน้ำมัน เพราะเราเห็นว่าลูกค้าที่ขับรถเข้ามาในสถานีบริการ กว่า 60% ไม่ได้เติมน้ำมัน แต่มาทำกิจกรรมอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม OR ไม่สามารถหนีไปจากธุรกิจน้ำมัน ที่เป็นจุดแข็งของเรา เพราะเราเป็นผู้ค้าน้ำมัน และวิวัฒนาการไปสู่ธุรกิจรีเทล (ค้าปลีก)
ต่อข้อถามว่า นักลงทุนมีคำถามว่า OR จะทำอย่างไรถ้าวันหนึ่ง คนไม่เติมน้ำมัน ไม่ใช้น้ำมัน เพราะหันไปใช้รถอีวีกันหมด นายดิษทัต ตอบว่า ในฐานะที่อยู่ในสังคมน้ำมัน กล้ายืนยันว่า น้ำมันยังต้องใช้อยู่ แต่ปริมาณจะลดลง ซึ่งอาจกระทบพอร์ตโฟลิโอ 5-10% แต่ไม่ใช่หายไปทั้งหมด ในช่วงชีวิตของพวกเรา อีก 30-40 ปีจะยังคงมีน้ำมันใช้อยู่ แต่สัดส่วนจะน้อยลง นี่คือความจริง และไม่ว่าทิศทางพลังงานจะเปลี่ยนไปอย่างไร OR ก็จะยังเป็นผู้ค้าน้ำมัน และเราต้องเป็นผู้นำตลอดไปในประเทศไทย
นายดิษทัต อธิบายรายละเอียดถึงยุทธศาสตร์ของ OR ว่า สิ่งที่ OR คิดและทำก็คือ เก็บคอร์บิสซิเนส (ธุรกิจน้ำมัน) ไว้ และพัฒนาธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ หรือกำไรมากขึ้น โดยในปัจจุบันพอร์ตธุรกิจของ OR กำไร 70% มาจากกลุ่มธุรกิจโมบิลิตี้ (Mobility) คือน้ำมัน และกำไรอีก 30% มาจากกลุ่มไลฟ์สไตล์ “น็อนออยล์” ทั้งนี้รูปแบบการให้บริการของ OR ก็ต้องปรับตัวจาก Physical Platform ไปเป็น Digital Platform ปรับไปตามวิถีของคนรุ่นใหม่ที่อยู่บนดิจิทัล จึงให้ความสำคัญกับเรื่อง Data Driven (การขับเคลื่อนด้วยข้อมูล) มาก ๆ
นายดิษทัต กล่าวว่า OR จึงได้เปิดตัวแอป xplORe (เอ็กซ์พลอร์) มิติใหม่ในการให้บริการลูกค้า ขณะเดียวกัน การบริหารภายในก็ใช้เรื่อง Data Driven มาขับเคลื่อนมากขึ้นเช่นกัน โดยเร็วๆ นี้บริษัทจะสามารถรับรู้ P/L (กำไร/ขาดทุน) ของ OR ทุกเซ็กเมนต์เป็นแบบเรียลไทม์
“ในเรื่องนี้ ผมและผู้บริหารสามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ว่า ยอดขายกลุ่มโมบิลิตี้ 15 วันแรกของเดือนนี้ ทำได้เท่าไหร่แล้ว ได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ต้องรู้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ไม่ใช่ไปรอดูตัวเลขผลประกอบการที่ออกมาเป็นไตรมาสแล้ว ค่อยมาตอบคำถามว่า ได้หรือไม่ได้ เราต้องรู้ข้อมูลเรียลไทม์ ที่เราทำระบบนี้ขึ้นมาเพื่อเป็น Help Check ช่วยตรวจสอบ ทำให้สามารถวางแผน หรือปรับแผนในระยะข้างหน้าได้ทันที เพื่อให้การขับเคลื่อนการบริหารของ OR ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว” นายดิษทัตกล่าวย้ำ
