เม็ดเงิน“ต่างชาติ”ไหลเข้าไทย ดัน“บาทแข็ง”

ค่าเงินบาทสัปดาห์หน้าให้กรอบ 33.00-33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐติดตามข้อมูลภาคการผลิตและยอดขายบ้านในสหรัฐฯ เผยตั้งแต่ 4 ม.ค.-13 ม.ค.เงินบาทนำโด่งแข็งค่า หลังรัฐเลี่ยงล็อกดาวน์สกัดโควิดหนุนเงินทุนไหลเข้าในประเทศ

น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์หน้าให้กรอบ 33.00-33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดจะติดตามข้อมูลภาคการผลิตและยอดขายบ้านในสหรัฐฯ

สำหรับปัจจัยโควิดคลายตัว ขณะที่ประเทศต่างๆไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มข้น เป็นบวกต่อ sentiment เงินบาทและหนุนกระแสเงินทุนไหลเข้า นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์หลุดแนวรับทางเทคนิค แม้เฟดจะส่งสัญญาณว่าปีนี้อาจขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้ง และลดขนาดงบดุล แต่ตลาดรับข่าวไปพอสมควรแล้ว

อย่างไรก็ตาม ระหว่างวันค่าเงินยังคงผันผวนต่อเนื่อง โดยในภาพใหญ่นักลงทุนจะประเมินว่าดอกเบี้ยนโยบาย
ของสหรัฐฯในวัฏจักรนี้ จะไปสูงสุดที่ระดับใด ส่วนเงินเฟ้อสหรัฐฯยังสูงแต่เริ่มมีสัญญาณว่าอาจพีคไปแล้ว
ขณะที่มีแนวโน้มคลายตัวลงชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง

สำหรับการเคลื่อนไหวสกุลภูมิภาค ตั้งแต่สิ้น 4 ม.ค.-13 ม.ค.ที่ผ่านมาพบว่าเงินบาท-ไทยแข็งค่าสุด 0.53% รองลงมาคือดอง-เวียดนาม 0.51 % รูปี-อินเดีย 0.34%ดอลลาร์-สิงคโปร์ 0.27% ดอลลาร์-ไต้หวัน 0.20 % วอน-เกาหลีใต้ 0.12% ยกเว้นรูเปียห์-อินโดนีเซียอ่อนมากสุด 0.43% ริงกิต-มาเลเซีย 0.32%เปโซ-ฟิลิปปินส์ 0.15 % หยวน-จีน 0.04%

ส่วนการเคลื่อนไหวเงินทุนต่างชาติตั้งแต่ 4 ม.ค. -13 ม.ค. นลท ต่างชาติ ซื้อสุทธิในหุ้นไทย 1.48 หมื่นล้านบาท และซื้อพันธบัตรสุทธิ 4.12 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อรับมือความผันผวน