วันเสาร์, พฤษภาคม 18, 2024
หน้าแรกHighlight“โพลซีอีโอ”แนะรัฐตรึงค่าเอฟที เบรกขึ้นราคาสินค้า
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“โพลซีอีโอ”แนะรัฐตรึงค่าเอฟที เบรกขึ้นราคาสินค้า

ส.อ.ท.เผยโพลสำรวจผู้ประกอบการธุรกิจ 45 กลุ่มอุตสาหกรรมแนะรัฐคงอัตราค่า Ft รอบเดือน พ.ค. – ส.ค. สัดส่วน 80.7% สกัดต้นทุน-เบรกขึ้นราคาสินค้า

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 15 ในเดือนมีนาคม 2565 ภายใต้หัวข้อ “ปรับขึ้นค่าไฟ-ก๊าซ กระทบเศรษฐกิจแค่ไหน” พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า กรณีภาครัฐจะมีการพิจารณาปรับอัตราค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ ขึ้นต่อเนื่องนั้น จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

นอกจากนี้ยังเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับสูงในขณะนี้ จนทำให้ผู้ประกอบการมีความจำเป็นจะต้องปรับราคาสินค้าขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน ดังนั้น จึงเสนอขอให้ภาครัฐพิจารณาคงอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในรอบเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2565 เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าว นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังได้แนะให้ภาคอุตสาหกรรมเร่งปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อประหยัดพลังงาน และหันมาผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใช้เองภายในโรงงานอุตสาหกรรม 

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 150 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 15 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้

1.ปัจจุบันค่าไฟฟ้าและพลังงานคิดเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนการผลิต

อันดับที่ 1 : 10-20% สัดส่วน 38.7%

อันดับที่ 2 : น้อยกว่า 10%  สัดส่วน 25.3% 

อันดับที่ 3 : 20-30% สัดส่วน 20.7% 

อันดับที่ 4 : มากกว่า 30%สัดส่วน  15.3%

2.กรณีภาครัฐมีการปรับค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ ขึ้นต่อเนื่อง จะกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับใด

อันดับที่ 1 : มาก 56.7%

อันดับที่ 2 : ปานกลาง 34.7%

อันดับที่ 3 : น้อย 8.6%

3.ผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ ในเรื่องใด ที่ภาครัฐควรให้ความสำคัญ 

อันดับที่ 1 : ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากต้นทุนพลังงานที่อยู่ระดับสูง 87.3%

อันดับที่ 2 : ภาระค่าครองชีพของประชาชน 82.0%

อันดับที่ 3 : เร่งอัตราเงินเฟ้อให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 51.3%

อันดับที่ 4 : กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวหรือหยุดชะงัก 41.3%

4.มาตรการใดมีประสิทธิภาพในการบรรเทาผลกระทบของประชาชนและภาคธุรกิจ จากค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น 

อันดับที่ 1 : การคงอัตราค่า Ft รอบเดือน พ.ค.-ส.ค. 2565 80.7% 

อันดับที่ 2 : มาตรการความร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้า (Demand Response) 59.3% โดยคืนผลประหยัดไฟฟ้าที่ลดได้ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า  

อันดับที่ 3 : ตรึงราคาขายปลีกก๊าซฯ ชั่วคราว 53.3% 

อันดับที่ 4 : มาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มในส่วนของผู้มีรายได้น้อย 52.7% และผู้ประกอบการ SME เช่น ส่วนลดค่าไฟฟ้า, คูปองส่วนลดราคาก๊าซฯ

5.ภาคอุตสาหกรรมควรเตรียมรับมือผลกระทบจากค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างไร

อันดับที่ 1 : ปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อประหยัดพลังงาน 82.0%

อันดับที่ 2 : การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใช้เองภายในโรงงาน 76.0% เช่น Solar cell

อันดับที่ 3 : นำระบบการบริหารจัดการพลังงานมาใช้ 64.7% และปรับแผนการผลิตเพื่อลดต้นทุน

อันดับที่ 4 : บำรุงรักษาและปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร 53.3%

6.แนวโน้มภาคอุตสาหกรรมจะมีการใช้ไฟฟ้าและพลังงาน ปี 2565 อย่างไร

อันดับที่ 1 : เพิ่มขึ้นจากปี 2564 สัดส่วน 77.3%  

อันดับที่ 2 : ทรงตัว 20.7%

อันดับที่ 3 : ลดลงจากปี 2564 สัดส่วน 2.0%

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img