“ไทยสร้างไทย” จี้รัฐเร่งหา มาตรการช่วยเหลือกลุ่มแท็กซี่ หลังรถจ่อถูกยึดกว่า 40,000 คันเพราะพิษโควิดและราคาก๊าซ-น้ำมันพุ่งไม่หยุด
ดร.เกณิกา ตาปสนันทน์ รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. บางบอน หนองแขม กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพี่น้องแท็กซี่ รวมตัวออกมาร้องขอความช่วยเหลือ จากภาครัฐ โดยขอให้ช่วยเจรจากับไฟแนนซ์ หลังรายได้หดหาย หมดกำลังผ่อนต่อ จอดรอถูกยึด ขณะที่จำนวนมากยุติการประกอบอาชีพดังกล่าวและเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อตั้งหลักสู้ชีวิต ซึ่งล่าสุดพบว่ามีแท็กซี่ไม่น้อยกว่า 40,000 คันยอมจอดทิ้งให้ถูกยึด
“ปัญหาแท็กซี่ที่ต้องแบกรับภาระ มานานกว่า 2 ปีนั้น ดิฉันเองเคยเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยมาดูแล อาชีพแท็กซี่ แต่จนถึงวันนี้ รัฐบาลยังไม่เคยเหลียวแล หรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังไม่เคยช่วยเหลือให้ตรงจุด และพี่น้องที่ประกอบอาชีพในกลุ่มดังกล่าวถูกซ้ำเติม ด้วยการปล่อยให้ราคาก๊าซ ราคาน้ำมัน พุ่งสูงขึ้นไปอีกนอกจากต้นทุนสูงขึ้นแล้ว ส่งผลต่อรายได้ที่หายไป ทำให้กลุ่มผู้ประกอบอาชีพแท็กซี่ ไม่สามารถ จ่ายค่าประกัน ค่าไฟแนนซ์ เบี้ยปรับ ต่างๆได้ ดังนั้นถึงเวลาที่รัฐต้องมีมาตรการดูแลอย่างจริงจัง “ น.ส.เกณิกากล่าว
รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย ระบุเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการขับรถแท็กซี่ กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้โดยสารลดลง แท็กซี่ขาดรายได้ จากเดิมได้ชั่วโมงละ 250 บาท ปัจจุบันตั้งแต่มีโควิดระบาด รายได้เหลือไม่ถึง 80 บาท ทำให้ไม่มีเงินผ่อนค่างวด ซ้ำเติมด้วยราคาแก๊ส และ น้ำมันที่พุ่งสูง ทำให้คนขับรถแท็กซี่ มีต้นทุนต่อวันเฉลี่ยกว่า 1,400-1,600 บาท แบ่งเป็นค่าน้ำมันวันละ 500-650 บาท ค่าผ่อนงวดรถกว่าวันละ 700 บาท เงินที่เหลือจึงไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ
หลายคนรับภาระไม่ไหวยอมจอดรถทิ้งให้ไฟแนนซ์ยึด เพราะขายต่อก็ไม่มีคนซื้อ โดยเฉพาะรถแท็กซี่ที่เช่าซื้อในปี 2561 หากเป็นภาวะปกติจะต้องผ่อนครบแล้ว แต่ขณะนี้ยังผ่อนได้ไม่ถึงครึ่ง ก็ต้องหยุดผ่อน เพราะมีรายได้ไม่เพียงพอ โดยปัจจุบันมีแท็กซี่จดทะเบียนในระบบกว่า 85,000 คัน จอดทิ้งร้างกว่า 40,000คัน เพราะผ่อนไม่ไหว ดังนั้นจึงขอเรียกร้องรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือด้วยการเจรจากับบริษัทสินเชื่อต่างๆ และไฟแนนซ์ หามาตรการลดเงินต้นและดอกเบี้ย พร้อมแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่เข้าถึงได้ง่าย เพื่อ ให้กลุ่มคนเหล่านี้สามารถประกอบอาชีพต่อไปได้
