“อธิบดีกรมควบคุมโรค” ยันมติครม. ไม่ได้กำหนดว่าต้องจัดซื้อวัคซีนจากบริษัทใดเป็นพิเศษ แต่ให้เน้นเรื่องความปลอดภัยกับปชช.มากที่สุด “รองเลขาฯอย.” ย้ำชัด ถ้าผลวัคซีนอยู่ในระดับ 50-60% ก็ยอมรับได้ในหลักการ เพราะแต่ละพื้นที่สูง-ต่ำไม่เท่ากัน
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.64 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผย The Key News ถึงกรณีการนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโควิด-19 ลอตแรก 2 ล้านโด๊ส ในช่วงปลายเดือนม.ค.นี้ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ต้องการให้นำเข้ามาโดยเร็วที่สุด เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคให้ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพ โดยสำนักงานอาหารและยา (อย.) จะเป็นหน่วยงานที่ขึ้นทะเบียนรับรองคุณภาพของวัคซีน ให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสความกังวลของประชาชนที่ยังไม่มั่นใจในคุณภาพของวัคซีนจากประเทศจีน ภายใต้ยี่ห้อ “ซีโนแวค” เพราะบางประเทศนำไปใช้แล้วได้ผลการป้องกันโรคโควิด-19 เพียง 50-60% เท่านั้น อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มติครม. ให้กระทรวงสาธารณสุข จัดซื้อวัคซีนลอตแรก 2 ล้านโด๊ส โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นยี่ห้อใดหรือจากประเทศใด ดังนั้น ทางสำนักงานอาหารและยา (อย.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะมีหน้าที่ตรวจสอบพิจารณาคุณภาพวัคซีน ที่บริษัทต้นทาง บริษัทนำเข้า และตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย อย่างรอบด้าน ก่อนจะขึ้นทะเบียน ว่าสามารถนำมาจำหน่ายในประเทศไทยได้หรือไม่
อีกด้านหนึ่ง นพ.พูนลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการสำนักงานอาหารและยา (อย.) อธิบายเพิ่มเติมกับ The Key News ว่า ตามหลักการของคุณภาพ การควบคุมโรค และความปลอดภัยของวัคซีน ไม่ว่าชนิดใด หลักการทั่วไปเป็นที่ยอมรับกันได้ อยู่ในระดับ 50-60% เพราะผลของการฉีดวัคซีนออกมา บางพื้นที่ไม่เท่ากัน บางที่สูง บางที่ต่ำ ซึ่งหน่วยงานที่พิจารณาก่อนขึ้นทะเบียน คือ อย., กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จะต้องตรวจสอบข้อมูล คุณภาพวัคซีน พิจารณาตามขั้นตอนต่างๆ อย่างละเอียดถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของตัวยา
“บริษัทนำเข้า ตัวแทนจำหน่ายวัคซีน จะต้องยื่นข้อมูลรายละเอียดมาให้พิจารณา กับ อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อมาขึ้นทะเบียน ซึ่งมีบริษัทยาต้นทาง มอบหมายตัวแทนนำเข้าเป็นใคร ไม่ใช่ว่าใครก็นำเข้าได้”นพ.พูนลาภ กล่าวและว่า ส่วนกรณีการเตรียมจัดซื้อวัคซีนจากประเทศจีน 2 ล้านโด๊ส ตนยังไม่ทราบ ซึ่ง นายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้สั่งการให้กรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ร่วมกันจัดหาวัคซีนโดยเร็วที่สุดเข้ามาใช้ในประเทศไทย ยืนยันว่าไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นของบริษัทใด
