วันอาทิตย์, พฤษภาคม 19, 2024
หน้าแรกHighlightรัฐบาลขอความร่วมมือ“ผู้ประกอบการ” คุมแคมป์คนงานไม่ให้กลับต่างจังหวัด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

รัฐบาลขอความร่วมมือ“ผู้ประกอบการ” คุมแคมป์คนงานไม่ให้กลับต่างจังหวัด

“โฆษกรัฐบาล” ขอความร่วมมือ “ผู้ประกอบการ” หลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายแรงงานโดยเด็ดขาด ห้ามไม่ให้คนงานกลับต่างจังหวัด โดยรัฐจะเข้าไปช่วยเรื่องอาหาร-ความเป็นอยู่-เยียวยารายได้ 50% พร้อมขอความร่วมมือแต่ละจังหวัดเฝ้าระวังคนที่มาจาก กทม.และจังหวัดที่แพร่ระบาดสูง

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.64 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ได้มีการประชุมคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุขในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้รับฟังรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้ ซึ่งที่ประชุมฯ มีความห่วงใยกลุ่มคลัสเตอร์ที่เกิดขึ้นในแคมป์ที่พักคนงานต่าง ๆ ที่มีการเดินทางจากแคมป์ที่พักอาศัยไปสู่สถานที่ก่อสร้าง โดยเฉพาะในพื้นที่กทม. และปริมณฑล รวมถึง 4 จังหวัดภาคใต้ คือ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา จึงมีมติให้ปิดแคมป์คนงานเหล่านี้เป็นการชั่วคราว เพื่อระงับการแพร่ระบาด โดยมอบหมายให้กระทรวงแรงงาน ดูแลค่าใช้จ่าย เงินค่าจ้างชดเชย ให้แก่ลูกจ้างแทนผู้ประกอบการ ในช่วงที่มีการประกาศปิด 1 เดือน แต่คนงานจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่จำกัดไว้ เนื่องจากที่ผ่านมาแคมป์คนงานก่อสร้าง เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อที่พิสูจน์ทราบได้ โดยกระทรวงแรงงานจะเข้าตรวจสอบเช็คชื่อคนงานทุกวัน เพื่อทำบัญชีค่าจ้างร่วมกับตัวแทนนายจ้าง หากลูกจ้างคนใดไม่อยู่ในแคมป์ ก็จะพิจารณาอีกทีเป็นรายๆ ไป เพราะการจ่ายค่าจ้างนั้น อยู่ที่นายจ้างต้องรับรองด้วย

นายอนุชา กล่าวว่า นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานจะประสานกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อลงไปในพื้นที่และพบกับผู้ประกอบการ เพื่อทำความเข้าใจและชี้แจงมาตรการความช่วยเหลือจากรัฐบาล พร้อมกับขอความร่วมมือในการงดการเคลื่อนย้ายแรงงานทั้งหมดในเวลานี้ โดยในช่วงที่ปิดแคมป์ กระทรวงแรงงานจะมีมาตรการเยียวยาให้ร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ซึ่งเป็นการชดเชยเยียวยากรณีว่างงาน เพราะเหตุสุดวิสัย เนื่องจากถูกปิดตามคำสั่ง ศบค. ซึ่งในเบื้องต้น กระทรวงแรงงานมีแผนที่จะทำรายการจ่ายเงินสดให้คนงานที่แคมป์ทุกๆ 5 วัน ตลอดช่วง 1 เดือน ตามรายชื่อที่นายจ้างรับรองวันต่อวัน ตลอดระยะเวลาที่มีการปิดแคมป์ดังกล่าว ซึ่งกระทรวงแรงงานจะมีระบบตรวจสอบว่าแรงงานที่จะได้รับการเยียวยานั้น จะต้องอยู่ในแคมป์จริงๆ

โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะลงไปตรวจโควิด-19 เชิงรุกทุกแคมป์ที่ปิด และหากแคมป์ใดถือว่าปลอดภัยแล้วและได้รับวัคซีนในส่วน ม.33 แล้ว รวมถึงคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงแรงงาน ผู้ว่าราชการจังหวัด และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ตรวจสอบแล้วว่าปลอดภัย จะดำเนินการปลดล็อคให้แคมป์นั้นกลับมาเปิดได้โดยเร็วที่สุด และอาจไม่ต้องรอให้ครบ 1 เดือน ขณะที่โครงการใดที่มีสัญญากับรัฐหรือเอกชน จะมีการขยายระยะเวลาสัญญาให้ในช่วงที่แรงงานต้องหยุดการทำงานทั้งหมด

นายอนุชา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในช่วงที่ปิดแคมป์คนงาน ขอความร่วมมือผู้ประกอบการหลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายแรงงานโดยเด็ดขาด และไม่ให้คนงานเดินทางกลับต่างจังหวัด โดยหน่วยงานของรัฐจะเข้าไปดูแลเรื่องอาหาร และความเป็นอยู่ให้เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม เพื่อความมั่นใจของพี่น้องประชาชน กระทรวงแรงงานและผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าว จะทำการขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงเข้าไปดูแล เฝ้าระวังพร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยเพิ่มเติมในแต่ละแคมป์เพื่อดูความเรียบร้อยในช่วงเวลา 1 เดือนนี้ด้วย

นายอนุชา กล่าวว่า จากสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในกทม. และปริมณฑล มีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลโดย ศบค. จึงขอให้แต่ละจังหวัดเตรียมการเฝ้าระวังป้องกัน และมุ่งเน้นการควบคุมโรคในระดับสูง รวมถึงแจ้งเตือนให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) และเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่เฝ้าระวังบุคคลที่ไปจากกทม. และจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดสูง โดยพิจารณาเรื่องการ Quarantine อย่างเหมาะสม และ เน้นการคัดกรองในกลุ่มเสี่ยง และคนที่มาจากจังหวัดอื่น หากพบการติดเชื้อให้เร่งคัดกรอง ควบคุม และรักษาโดยเร็ว

“ขณะที่ในส่วนของโรงงานในพื้นที่กทม. และปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้ จ.ปัตตานี ยะลา สงขลา นราธิวาส ยังคงสามารถประกอบการได้ตามปกติ แต่ต้องมีการ Bubble & Seal รวมทั้งจะพิจารณากิจการที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรค ซึ่งไม่เป็นการปิดทั้งหมด แต่จะมีมาตรการเฉพาะออกมาเป็นการชั่วคราว โดยรัฐบาลจะดูแลเป็นพิเศษทั้งหมดทุกกิจการ ทุกพื้นที่ และทุกคลัสเตอร์”นายอนุชากล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img