วันเสาร์, พฤษภาคม 18, 2024
หน้าแรกNEWS“ชลน่าน”ชี้“บิ๊กตู่”เข้าร่วม“รทสช.” เป็นผลบวกกับ“พท.” สู่เป้าหมายแลนด์สไลด์
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ชลน่าน”ชี้“บิ๊กตู่”เข้าร่วม“รทสช.” เป็นผลบวกกับ“พท.” สู่เป้าหมายแลนด์สไลด์

ชลน่าน” ย้ำ “บิ๊กตู่” เข้าร่วม”รทสช.” เป็นผลบวกสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์ ในการใช้เป็นประเด็นในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 7 ม.ค.66 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์​โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างไทยชาติ (รทสช.) ในวันที่ 9 ม.ค. 66 ว่า ขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีความชัดเจนทางการเมือง ที่ทำให้ระบบการเมืองเป็นที่ยอมรับ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ มาจากการยึดอำนาจก็ตาม เมื่อมาประกาศตัวชัดเจนแบบนี้ ถือว่าเป็นผลบวกกับพรรค พท. ในการใช้เป็นประเด็นในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า พรรค พท. ประกาศแลนด์สไลด์ให้ใด้ ส.ส​. 250 เสียงขึ้นไป เพื่อออกจากระบอบประยุทธ์ ฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศชัดเจนว่า จะต่อสู้ก็จะเป็นทางเลือกให้ประชาชนได้พิจารณา ถ้าเขาต้องการออกจากระบอบประยุทธ์ มีปัญหา มีวิกฤติ และขาดโอกาส เขาก็ย่อมแสวงหาโอกาสจากพรรค พท. ที่มีนโยบายและแนวทางต่างๆ ที่จะดูแลประชาชนให้พ้นจากวิกฤติ สร้างโอกาส และสร้างความเจริญยั่งยืนให้กับประเทศชาติบ้านเมือง มันก็ง่ายกับประชาชนในการตัดสินใจ

“ที่สำคัญมันเป็นคู่แข่งขันที่ชัดเจน แบ่งฟากเลย ถ้าไม่แลนด์สไลด์ชนะระบอบประยุทธ์ไม่ได้ เราได้ ส.ส. 230 เสียง ก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จึงมองว่า เป็นมุมที่น่าจะเป็นผลบวกกับการรณรงค์แลนด์สไลด์ของพรรค พท.”

เมื่อถามว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าอยู่มา 8 ปี ยังเปลี่ยนได้ไม่หมด ทั้งที่อยากจะเปลี่ยนเป็นร้อยเรื่อง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วาระ 8 ปี นี่คือวาระที่ยาวที่สุดของคนที่มาเป็นผู้บริหารประเทศ ซึ่งการแถลงนโยบายแต่ละครั้ง มันมีกรอบนโยบายที่ต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 4 ปี จริงอยู่ที่คุณวางยุทธศาสตร์ชาติไว้ 20 ปี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำ 20 ปี เพราะเขาให้ระยะเวลาทำแค่ 4 ปีเท่านั้น ฉะนั้นจะมาอ้างว่าทำไม่เสร็จไม่ได้ ถ้าอ้างว่าทำไม่เสร็จเพื่อจะอยู่ต่อ นั่นแสดงว่า สิ่งที่อ้างนั้นสะท้อนฝีมือผลงานในการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็คือไร้ความสามารถ

เมื่อถามว่า มีท่าทีอย่างไรต่อคำตัดสินของศาลตัดสิทธิการเมืองนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรค พท. กรณีเรียกรับผลประโยชน์ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราไม่มีพูดคุยอะไรในประเด็นนี้ ก็ปล่อยเป็นเรื่องศาล เป็นเรื่องของอะไรไป เราไม่อยากไปให้ความเห็นอะไร

ทางด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมเปิดตัวร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า มองในแง่ดี เป็นการแสดงความชัดเจนทางการเมือง แต่อย่างไรเสีย แม้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่เปิดตัว ก็เป็นนักการเมืองมาตั้งแต่ปี 57 แล้ว หากจะเปิดตัว แค่เพียงทำให้รู้ว่าจะไปสังกัดพรรคไหนเท่านั้น เป็นความชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมหยุด แม้จะเหลือเวลาอีกแค่ 2 ปี ซึ่งจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ทางการเมือง เป็นเรื่องเพี้ยนๆ ที่วาระรัฐบาลมีถึง 4 ปี แต่คนจะขอเป็นนายกฯ เพียงแค่ 2 ปี เวลาที่เหลือจากนั้น ทั้งประชาชน คนลงทุน และต่างชาติ จะต้องคิดต่อว่า ประเทศไทยจะเดินหน้าอย่างไร หลังจาก 2 ปีแรกของรัฐบาลต่อไป ความเชื่อมั่นต่อประเทศจะเป็นอย่างไร ซึ่งคนไทยเผชิญกับปัญหานี้เอาเอง

เมื่อถามว่า การเปิดตัวดังกล่าวจะกระทบเป้าหมายแลนด์สไลด์หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่มีอะไรจะมากระทบเป้าหมายของพรรค พท. แต่กลับจะเป็นเรื่องดีที่ประเด็นทางการเมืองต่อไปนี้ คิดง่าย พูดง่าย และอ่านง่าย ประชาชนก็จะตัดสินใจง่าย

เมื่อถามว่าพรรค พท. มั่นใจตั้งรัฐบาลได้แน่ใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ตนไม่อยากพูดทำนองว่ามั่นใจ เพราะคนอาจเข้าใจว่าเราอหังกาเกินไป แต่เรารู้แต่ว่าประชาชนอยากได้รัฐบาลใหม่ อยากได้แนวทางใหม่ เพื่อความหวังใหม่ๆ ของเขา ซึ่งทุกคนมองว่าพรรค พท. คือคำตอบ

ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ แอบอยู่ข้างหลังตั้งนาน ออกหน้าบ้างก็ดี จะได้รู้รสชาติของความเป็นนักการเมือง ตอนท่านยึดอำนาจมา ท่านดูถูกดูแคลนนักการเมืองวันละ 3 เวลาหลังอาหาร สุดท้ายก็เข้ามาสู่เส้นทางการเมืองเสียเอง ตนไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ว่า ก่อนพูดอะไรให้คิดหน้าคิดหลังเสียบ้าง เพราะที่ว่านักการเมืองไว้นั้น สุดท้ายท่านก็มาเป็นนักการเมือง และถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องและดี เพราะอยากเข้าสู่อำนาจ ต้องมาตามตรอกออกตามประตู ให้ประชาชนได้ตัดสิน ไม่ใช่คิดเองเออเองว่า สิ่งที่คิดคือความถูกต้องแล้วยึดอำนาจเหมือนที่ผ่านมา

“ในฐานะที่เป็นนักการเมืองรุ่นพี่ อยากสอนรุ่นน้องที่เป็นนักการเมืองใหม่ ให้เข้าหาประชาชนและให้เกียรติประชาชน รวมถึงนักการเมืองคนอื่นด้วย เพราะไม่มีใครเก่งคนเดียว เหมือนที่ท่านคิดว่าตัวเองเป็นการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ต้องใช้เสียงส่วนใหญ่ ดังนั้นเมื่อมาเล่นการเมืองแล้ว ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะทุกคนมีสิทธิมีเสียงเท่าเทียบกัน” นายสมคิด กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img