วันเสาร์, พฤษภาคม 18, 2024
หน้าแรกNEWS"เลิศรัตน์" โวยถูกเหมารวมส.ว.ไม่เอา "อุ๊งอิ๊ง" เป็นนายกฯ ยันยึดคุณสมบัตินำปท.สู่ปชต.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เลิศรัตน์” โวยถูกเหมารวมส.ว.ไม่เอา “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ ยันยึดคุณสมบัตินำปท.สู่ปชต.

“เลิศรัตน์” แจงวุ่นปมส.ว.ไม่โหวต “อุ๊งอิ๊ง” นั่งนายกฯ ชี้เป็นความเห็นส่วนบุคคล โวยไม่แฟร์ถูกเหมารวม ยันยึดคุณสมบัตินำประเทศสู่ประชาธิปไตย เชื่อ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ไม่เสนอชื่อชนกัน

วันที่ 13 ก.พ.2566 ที่รัฐสภา พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.กล่าวถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุ ส.ว.พร้อมแลนด์สไลด์ไม่โหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี โดยให้ไปรวบรวมเสียงให้เกิน 376 เอง จนถูกกระแสตีกลับ ส.ว. ไม่เคารพเสียงประชาชน ว่า ไม่ใช่ความเห็นของคนทั้งหมด และจะไปห้าม ส.ส.หรือ ส.ว.ไม่ให้แสดงจุดยืนไม่ได้ ส่วนตัวนั้นมองว่า หารจะเลือก นายกรัฐมนตรีเป็นครั้งสุดท้ายจะต้องพิจารณาหลายอย่างประกอบกัน ซึ่งอันดับแรก ส.ว.จะต้องวางตัวเป็นกลาง ต้องไม่สนับสนุนหรืออิงพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใด โดย ส.ว.จะพิจารณา เลือกนายกรัฐมนตรี จาก เสียง ส.ส. ที่สนับสนุนผู้ที่จะได้รับ เลือกเป็นนายกรัฐมนตรี และตัวบุคคล ซึ่งจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประสิทธิภาพเสถียรภาพในการบริหารงาน ของรัฐบาลในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าหากมีเสียง ส.ส. สนับสนุนเกินครึ่งหนึ่ง ตนเองเชื่อว่า ส.ว.จะสนับสนุน แต่หากมีเสียงเกินครึ่งแล้วเราคิดว่าเป็นบุคคลที่ไม่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรี สู้อีกคนไม่ได้ก็ต้องถอยกลับไป เสนอชื่อใหม่ เพราะฉะนั้นการที่พรรคการเมืองรวมตัวกันก็เป็นสิทธิ์แต่การที่จะเสนอใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องมองในภาพรวมด้วย ยกตัวอย่างเช่นการเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งแรก คู่เปรียบเทียบแทบจะสู้ไม่ได้ เสียงจึงเทไปที่พล.อ.ประยุทธ์เกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญของส.ว. คือต้องวางตัวเป็นกลาง ใช้ดุลยพินิจในการให้ความเห็น เลือกผู้ที่สมควรในการมาเป็นผู้นำรัฐบาลครั้งต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเปลี่ยนผ่านที่จะนำ ไปสู่การมีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยเต็มที่

เมื่อถามถึงข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าส.ว. จะเลือกแค่สองลุง คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า เรื่องการเลือกใครจะต้องอยู่ที่สถานการณ์ ตนขอฟันธงว่าไม่มีวันที่ลุงตู่ และลุงป้อม จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีทั้งสองคน อาจจะต้องมีคนใดคนหนึ่งหรือไม่มีเลยทั้งสองคน ก็ได้ และเสียงของประชาชนที่สนับสนุนพรรคการเมืองจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะตอบโจทย์ เพราะฉะนั้น การจะพูดอะไรขณะนี้ก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล

“การจะมาสะท้อนกลับต่อส.ว. ทั้งหมดก็ไม่แฟร์ เพราะแต่ละคนมีความคิดที่หลากหลาย อย่าไปคิดว่าสิ่งที่คนหนึ่งพูดไปจะนำไปสู่การดำเนินการทั้งหมด เพราะขนาดนี้ยัง ไม่รู้ว่าใครจะได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีบ้าง อยู่ที่ประชาชนจะเลือกใครและอยู่ที่การรวมกลุ่มของพรรคการเมือง จะไปรู้กันวันนั้น แต่ส่วนตัว ขอรับรองว่าการตัดสินใจของตนถูกใจสื่อมวลชนแน่นอน” พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img