วันเสาร์, พฤษภาคม 18, 2024
หน้าแรกNEWS‘พท.’ ลุยปราศรัย 2 จว.ภาคเหนือ ก่อนปักหมุดปราศรัยใหญ่ในกรุงเทพฯ 12 พ.ค.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘พท.’ ลุยปราศรัย 2 จว.ภาคเหนือ ก่อนปักหมุดปราศรัยใหญ่ในกรุงเทพฯ 12 พ.ค.

พท.’ ลุยปราศรัย 2 จว.ภาคเหนือ ‘น่าน-ลำปาง’ มุ่งแลนด์สไลด์ ก่อนปักหมุดปราศรัยใหญ่ในกรุงเทพฯ 12 พ.ค.

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่ปราศรัยในจังหวัดน่าน และลำปาง ระหว่างวันที่ 8-9 เม.ย.นี้ ว่า น่านและลำปาง จะเป็นครั้งแรกที่ทีมเพื่อไทยชุดใหญ่ไปปราศรัยในภูมิภาคหลังมีการจับฉลากหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตและบัญชีรายชื่อ ซึ่งการประกาศชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. ครบ 3 คน รวมถึงการประกาศตัวเลขในนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี เกิดการตื่นตัวที่จะสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค พท. ให้ได้รับเลือกตั้งเข้าไปผลักดันนโยบายให้เป็นจริง

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การลงพื้นที่น่านและลำปางในครั้งนี้ นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่จะร่วมปราศรัยผ่านระบบออนไลน์ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรค นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค ตนเอง และผู้สมัคร ส.ส.ของแต่ละจังหวัด

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เริ่มจากวันที่ 8 เม.ย. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง อ.เมืองน่าน จ.น่าน ในเวลา 15.00 น. จากนั้นจะไปสมทบคาราวานรถแห่ของผู้สมัครใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เดินทางไปในทุกจังหวัด โดยมีพิธีเปิดกิจกรรมรถแห่ “กึ๊ดใหญ่ทำเป็น” 8 จังหวัดภาคเหนือ ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง ในเวลา 15.30 น. จากนั้นจะเริ่มกิจกรรมรถแห่รอบเมือง ผ่านตลาดเทวราช ชุมชน ย่านธุรกิจ ไปหยุดปราศรัยบนรถแห่หน้าวัดภูมินทร์ (ถนนคนเดิน) ก่อนที่ในเวลา 18.00 น. จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตน่าน อ.เมืองน่าน จ.น่าน จากนั้นไปถนนคนเดินเพื่อพบปะพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนในวันที่ 9 เม.ย. กำหนดการเริ่มจากเวลา 07.30 น. ออกเดินทางไปยัง อ.วังชิ้น จ.แพร่ เพื่อพบปะเกษตรกรชาวสวนผลไม้ และชาวนาในพื้นที่ในเวลา 11.00 น. ก่อนที่ในเวลา 13.00 น. จะเดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชน ในอ.แม่ทะ จ.ลำปาง และในเวลา 16.30 น. จะมีการร่วมขบวนปราศรัยบนรถแห่ ณ ห้าแยกหอนาฬิกา อ.เมืองลำปาง จ,ลำปาง ส่วนในเวลา 18:00 น.จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ ณ ตลาดนัดคลองถมห้างฉัตร อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า จากนี้ทีมปราศรัยของพรรคเพื่อไทย ทั้งเวทีใหญ่ เวทีระดับเขต เวทีย่อย ปูพรมลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเวทีใหญ่ที่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมด้วยได้วางคิวถึงสิ้นเดือนเม.ย.แล้ว ส่วนในเดือนพ.ค.จะมีการปราศรัยในทุกวันทุกภูมิภาค เพื่อเน้นย้ำนโยบายและสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชน ตัวแคนดิเดตทั้ง 3 คนก็จะทำงานร่วมกันเป็นทีม การไปร่วมเวทีใดขึ้นกับสถานการณ์และช่วงเวลาที่เหมาะสม ลงตัว ส่วนเวทีปราศรัยปิดท้าย คาดว่าหลายพรรคการเมืองจะปักหมุดในช่วงเย็น วันที่ 12 พ.ค. พรรค พท. ก็เช่นกัน ซึ่งเวทีนี้จะมีแคนดิเดตนายกฯทั้ง 3 คนปรากฎตัวบนเวทีร่วมกันอีกครั้ง เชื่อว่าเวลานั้นน.ส.แพทองธารจะผ่านการคลอดบุตรและพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าตัวยืนยันที่จะเข้าร่วมเวทีนี้อย่างแน่นอน

“ในช่วงนี้มีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดคำถามถึงนโยบายพรรค พท. ว่าทำได้จริงหรือไม่ ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะจับมือกับใคร และมีสัญญาณทำให้การเลือกตั้งสะดุด หรือไม่ตอบสนองต่อประชาชน ตอนนี้ตนคิดว่าคำตอบใน 2 ประเด็นแรกชัดเจนแล้ว ส่วนสถานการณ์พิเศษ ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีการหยุดยั้ง ขัดขวางการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชน ส่วนคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจเป็นวิธีการพยายามเอาของเก่ามาขาย เพราะนโยบายขายไม่ได้ จึงพยายามให้คนนึกถึงความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ประชาชนต้องการจบลุงตู่มากกว่า ขอให้อำนาจนอกระบบยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ถอยพ้นไปจากวิถีทางในระบบรัฐสภา” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับการประกาศนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น การวิพากษ์วิจารณ์ย่อมเกิดขึ้นได้ ประชาชนก็สามารถใช้วิจารณญาณได้ แต่ท่วงทำนองขอให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ได้ร่วมงาน ร่วมแนวทางประชาธิปไตยด้วยกันมา เพื่อทำให้การทำงานภาพรวมในสนามเลือกตั้งสวยงาม การแก้รัฐธรรมนูญเป็นแนวทางที่นำเสนอโดยนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดอเดตนายกฯของพรรค พท. และเป็นแนวทางของพรรค พท. มาตลอด ที่ต้องแก้เต็มคาราเบล ต้องให้มีประชาชนเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มีกระบวนการทำประชามติทั้งก่อนและหลังการยกร่าง การมีสสร.ส่วนเนื้อหาสาระต้องเป็นวาระของสสร.ด้วย

“พรรคการเมืองมีสิทธิ์เสนอแนวทางประกอบการพิจารณาได้ แต่ไม่ใช่การไปแทรกแซงกดดัน การเห็นด้วยหรือไม่ต้องเคารพต่อความเห็นของ สสร. ส่วนการต่อสู้ทางการเมืองคงไม่มีใครมีมาตรวัดว่าใครทำอะไรมามากกว่าใคร เราเคารพทั้งความเหมือนและความต่างของเพื่อนร่วมทางจะดีกว่า” นายณัฐวุฒิ กล่าว.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img