วันจันทร์, พฤษภาคม 20, 2024
หน้าแรกNEWS“ลุงศักดิ์”พร้อมทนายปักหลักรอเจอ“พี่ศรี” ถามได้อะไรจากการร้องเรียนทุเรศ-ลั่นจะมาทุกวัน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ลุงศักดิ์”พร้อมทนายปักหลักรอเจอ“พี่ศรี” ถามได้อะไรจากการร้องเรียนทุเรศ-ลั่นจะมาทุกวัน

ลุงศักดิ์” พร้อมทนาย ปักหลักรอเจอ “ศรีสุวรรณ” ถามได้อะไรจากการร้องเรียนทุเรศ ลั่นจะมาทุกวัน ด้าน “ธีรยุทธ” ร้อง “กกต.” สอบ “ก้าวไกล” ปมพยายามยกเลิก “ม.112” ชี้ เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบัน

เมื่อวันที่ 22 พ.ค.66 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายวีรวิชญ์  รุ่งเรืองศิริผล หรือ “ลุงศักดิ์” ผู้ที่เคยบุกชกนายศรีสุวรรณ จรรยา พร้อมด้วยนายภัทรพงศ์ ศุภักษร ทนายความ เดินทางมาเพื่อยื่นคัดค้านกรณีที่นายศรีสุวรรณ และบุคคลอื่นๆ ที่เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส.2566 ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายวีรวิชญ์ ได้ถามหานายศรีสุวรรณว่า วันนี้ (22) จะมาหรือไม่ เพราะอยากเจอ และชอบแฟชั่นหน้ากากอนามัยรูปยักษ์ของนายศรีสุวรรณ จึงได้เตรียมหน้ากากอนามัยรูปหนุมานมาใส่ด้วย วันนี้ตั้งใจมาเจอนายศรีสุวรรณให้ได้

นายวีรวิชญ์ กล่าวว่า เนื่องจากตนอยากให้ประชาธิปไตยเดินหน้า เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะมายื่นเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้ง การยุบพรรคก้าวไกล และพรรคการเมือง 6 พรรค ถือว่าเป็นการขัดขวางประชาธิปไตย ขอความอนุเคราะห์วุฒิสภาหรือ กกต.ไม่ว่าท่านจะคิดต่างอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ขอให้ยึดหลักประชามติเสียงข้างมากของประชาชน ถ้าคนรุ่นใหม่บริหารแค่ 4 ปี ขนาด 9 ปีประชาชน 70 ล้านคนยังรอได้ ทั้งที่อึดอัดทรมานเจ็บปวดก็ยังรอได้ ท่านในฐานะที่เป็นส.ว.สูงอายุก็ควรรออีก 4 ปีได้หรือไม่ เพื่อให้ประเทศนี้เดินไปสู่ประชาธิปไตย ดังนั้นจะมาทุกวัน ใครมายื่นร้องเรียน ตนก็จะมายื่นคัดค้าน

นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า มายื่นคัดค้านกรณีที่นำศรีสุวรรณ จรรยาและบุคคลอื่นๆ มายื่นคำร้องต่อประธานกกต.เพื่อสอบข้อเท็จจริงนำสู่การพิจารณายกพรรคก้าวไกล และ 6 พรรคการเมือง เช่น กรณีที่นายศรีสุวรรณ ระบุว่า พรรคก้าวไกล นัด 6 พรรคการเมืองกินข้าวกัน แล้วมองว่าเป็นการยินยอมให้บุคคลภายนอกเข้ามาร่วมประชุมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเข้าข่ายผิดพ.รป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ให้เข้ามาครอบงำพรรคการเมือง ตนในฐานะประชาชน ไม่อยากเห็นประเทศไทยไปตามครรลองที่ไม่ปกติ ไม่อยากเห็นเกมการเมืองชั่วๆ เข้ามาทำให้ประเทศนี้ จึงมายื่นคัดค้านต่อกกต. ด้วยว่า กกต.จะพิจารณาเรื่องเรียนของนายศรีสุวรรณและบุคคลอื่นด้วยความรอบคอบ ปราศจากการแทรกแซง ยึดหลักความเที่ยงธรรม สงบสุข และโปรดระงับเรื่องราวร้องเรียนทั้งหลายโดยคำนึงถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ซึ่งตอนนั้นเสียหายหนักมาก เมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามามันจะทำให้เกิดการชะงัก ดังนั้นไม่ว่าจะมาร้องที่กกต. หรือไปร้องที่ไหน ตนจะยื่นเรื่องคัดค้านไปที่นั่น เพราะเรื่องที่ร้องก็ไร้สาระ และทำให้เกิดความแตกแยก ตนไม่อยากเห็นลุงศักดิ์คนที่ 2 คนที่ 3 อีก ทั้งนี้ ตนเห็นต่างจากนายศรีสุวรรณ

“ผมอยากเจอนายศรีสวรรณ เพื่อสอบถามว่า ท่านได้ประโยชน์อะไรจากการมาร้องเรียน ถ้าเห็นว่ามีคนกระทำผิด ทำไมไม่ใช้กระบวนการแจ้งความ หรือเพราะกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีกลับ ฐานแจ้งความเท็จ การมาร้องแบบนี้เป็นเรื่องทุเรศ เหมือนเป็นการหากินกับความขัดแย้ง ดังนั้นขอให้มีการตรวจสอบคุณสมบัตินายศรีสุวรรณ ว่าเป็นทนายความหรือไม่ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมา อยากถามว่าคนอะไรจะยอมโดนคนต่อย ยอมโดนคนประณาม สาปแช่ง เขาได้อะไรจากพฤติกรรมเหล่านั้น เมื่อไหร่จะหยุด ผมไม่ได้ถามหาความรุนแรง ไม่ต้องถามเหตุผลว่า ทำไมลุงศักดิ์ หรือลุงทศพล ไปชกหน้านายศรีสุวรรณ เพราะตราบใดที่นายศรีสุวรรณยังมีพฤติกรรมแบบนั้น ผมไม่ได้อยากเห็นความรุนแรง แต่ต้นตอปัญหาอยู่ที่นายศรีสุวรรณ มาทำอะไรต้องการอะไรกับประเทศนี้ หรือมีใครสั่งคนมา รับรองไม่มีความรุนแรง แค่อยากถาม” นายภัทรพงศ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายวีรวิชญ์  รอนายศรีสุวรรณอยู่ นายธิติ ชัยนาม ประธานโครงการสี่เสาหลัก ก็ได้เดินทางมาเพื่อให้กำลังใจนายศรีสุวรรณ โดยระบุว่า เพราะมองว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่ควรถูกละเมิด ความเห็นต่างไม่ใช่เรื่องผิด เสียงข้างมากก็ควรต้องเคารพเสียงข้างน้อย ความคิดต่างของนายศรีสุวรรณจึงไม่ใช่เรื่องผิด  ทั้งนี้ตนไม่อยากให้เกิดความรุนแรง การที่มีผู้มาคัดค้านการมาแสดงความเห็นของนายศรีสุวรรณนั้น ตนมองว่าปากอ้างงหลักการประชาธิปไตย แต่นิสัยเป็นเผด็จการ เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ตนเป็นทายาทของเสรีไทยสายตรง ลุงคือนายดิเรก ชัยนาม ที่ผ่านมา เราเคลื่อนไหวในเรื่องการปกป้องสถาบัน ซึ่งในอนาคตก็จะดูว่ามีความเคลื่อนไหวที่เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือการละเมิดต่อประมวลกฎหมายมาตรา 112 หรือไม่ มีการใช้มวลชนในการกดดันสถาบันหรือไม่ หากมีการกดดันมากๆ ก็พร้อมออกมาเคลื่อนไหว มองว่าปัญหาของประชาธิปไตยไม่ได้อยู่ที่สถาบัน แต่อยู่ที่วิวัฒนาการพรรคการเมือง ถ้าไม่มีเงื่อนไขการคอรัปชั่น ไม่มีการโกงกิน ตนเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น แต่การไปเคลมว่าเป็นความผิดสถาบันนั้น เป็นเพราะคุณลำเอียง วันนี้ถ้าไม่มีสถาบัน แล้วไปยึดคนคนเดียวที่สร้างภาพด้วยแนวคิดฝรั่งมังค่า แล้วขึ้นมาปกครองประเทศ แล้วจุดสมดุลของประเทศจะอยู่อย่างไร

วันเดียวกันนายธีรยุทธ สุวรรณเกสร ทนายความพระพุทธอิสระ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งเดินทางมายื่นเรื่องต่อกกต.เพื่อขอให้พิจารณากรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และว่าที่ส.ส.พรรคก้าวไกลที่มีนโยบายแก้ไข ยกเลิกมาตรา 112 มีการใช้หาเสียง มีแบบแผนการทำงานต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะเข้าข่ายตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัย เกี่ยวกับสถาบันว่าเป็นการเซาะกร่อน บ่อนทำลาย ทำให้ด้อยค่าสถาบันหลักของชาติ ทำให้สถานะของสถาบันหลักของชาติต้องเสื่อมสูญลง  ดังนั้นตนจึงนำเอกสาร 88 แผ่น ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยของศาล 2 เรื่อง มายื่นต่อกกต.เพื่อพิจารณา และส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยเรื่องนี้เพื่อยับยั้งไม่ให้เรื่องบานปลาย ทั้งนี้ขอยืนยันว่าตนเป็นเพียงประชาชนคนเล็กๆ ไม่มีความสามารถที่จะไปกลั่นแกล้งพรรคการเมืองใหญ่.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img