วันอาทิตย์, พฤษภาคม 19, 2024
หน้าแรกHighlight‘อุ๊งอิ๊ง’ย้ำครอบครัวห่วง‘ทักษิณ’กลับไทย ‘พ่อ’ยังไม่เปลี่ยนใจ-กลับก.ค.เหมือนเดิม
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘อุ๊งอิ๊ง’ย้ำครอบครัวห่วง‘ทักษิณ’กลับไทย ‘พ่อ’ยังไม่เปลี่ยนใจ-กลับก.ค.เหมือนเดิม

อุ๊งอิ๊ง’ รับครอบครัวชินห่วง ‘ทักษิณ’ กลับไทย ย้ำพ่อยังไม่เปลี่ยนใจเลื่อน ยันกลับก.ค.เหมือนเดิม ยันไม่พลิกขั้วตั้งรบ. พร้อมหนุน ‘พิธา’ นั่งนายกฯ เหมือนเดิม

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.66 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวครอบครัวชินวัตร เบรกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับประเทศไทยว่า จริงๆ แล้วไม่มีมิติทางการเมืองอะไรเลย มีแต่มิติทางครอบครัว หากเรื่องนี้ซีเรียสขนาดนั้น เราคงไม่นัดกันทานข้าวนอกบ้าน คงคุยกันที่บ้านแล้วจบได้ ตนคิดว่าเป็นแค่ความห่วงใยของคุณแม่ (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์) ที่ตอนนี้เป็นเสาหลักของครอบครัว และห่างกับคุณพ่อมา 17 ปี คุณแม่ก็มีความเป็นห่วงทุกเรื่อง ไม่ว่าจะห่วงเรื่องของตน เวลาท่านพูดท่านก็พูดในฐานะแม่ของลูกสาวคนเล็ก ไม่ได้พูดในฐานะแม่ของแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท. ซึ่งท่านก็มีความเป็นห่วงแบบนี้เสมอมา ย้ำว่าไม่มีมิติทางการเมืองด้านอื่นจริงๆ ตนอ่านข่าวก็มีการวิเคราะห์ไปมากมาย และอยากต่อสายตรงมากว่าไม่มีอะไรเลย แค่มีความเป็นห่วงเท่านั้น

เมื่อถามว่า ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้ ยังอยากให้นายทักษิณกลับมาหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “เรื่องอยากให้กลับ ก็อยากให้กลับอยู่แล้ว แต่อิ๊งค์อยากให้คุณพ่อเป็นคนตัดสินใจเองว่า ท่านอยากกลับมาตอนไหน อยากกลับมาอย่างไร เพราะท่านเองก็ออกไปนานมากแล้วก็คงมีความตั้งใจที่อยากจะกลับมา ท่านอยากกลับมาเลี้ยงหลานยิ่งตอนนี้เพิ่งจะมีหลานคนที่ 7 ก็ยิ่งอยากกลับ แต่ตรงนี้ก็ให้ท่านตัดสินใจเองดีกว่า”

เมื่อถามต่อว่า ทางครอบครัวได้มีการเบรกอย่างที่มีกระแสข่าวออกมาหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราไม่มีการเบรก เราพูดแค่ว่าเป็นห่วง ดูข้อมูลให้ครบ ตัดสินใจให้ดี ซึ่งเป็นข้อความที่เราพูดเสมอ ไม่ได้มีการพูดว่าอย่ากลับมานะ ตอนนี้กลับไม่ได้ ตนคิดว่าจะไม่แฟร์กับคุณพ่อด้วย ท่านออกไป 17 ปี ท่านจะกลับมาตอนไหน ก็ให้เป็นเรื่องที่ท่านตัดสินใจเองดีกว่า ชีวิตก็เป็นของท่าน ซึ่งคุณพ่อเองก็รับฟังและเราฟังกันอยู่แล้ว แต่สุดท้ายแล้วการตัดสินใจของใครก็เป็นเรื่องของคนนั้น

เมื่อถามย้ำว่า นายทักษิณยังยืนยันว่าจะกลับเดือนก.ค.เหมือนเดิมใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คุยล่าสุดก็ยังเป็นเช่นนั้น เมื่อพวกตนถามว่าได้ดูสถานการณ์ทางการเมืองหรือไม่ ท่านก็ตอบว่าดูอยู่แล้ว ท่านไม่อยากกลับมาแล้วเป็นความวุ่นวาย แน่นอนคุณพ่อมีความสำคัญทางการเมือง หากจะกลับมาก็ต้องดูเรื่องความเหมาะสม หากจะเปลี่ยนแพลนกลับหรือไม่เปลี่ยนก็ต้องดูเรื่องความเหมาะสมด้วย

เมื่อถามต่อว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเลื่อนเดินทางกลับ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ไม่ค่ะ ตอนนี้ยังไม่มี แต่ที่พูดหมายความว่าเราต้องดูใกล้ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่นี่อิ๊งค์คิดแทนนะ คุณพ่อไม่ได้พูดกับอิ๊งค์ เรื่องวันที่เขาบอกจะให้อิ๊งค์ประกาศเขาก็ยังไม่ได้บอกว่าจะเลื่อน”

เมื่อถามว่า กระแสข่าวการพูดคุยของครอบครัวชินวัตร ที่มีประเด็นที่ไม่อยากให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ฐานะคุณพ่อกลับมาเพราะกลัวถูกหลอกนั้นหมายถึงอะไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขยายความได้แน่นอน เพราะมันไม่มีอะไรเลย เรื่องถูกหลอกนั้นคำว่าถูกหลอกคืออะไร ตลอดเวลาที่คุณพ่อไม่อยู่ประเทศไทยมา 17 ปี แน่นอนว่ามีข้อมูลข่าวสารที่ท่านได้รับ ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นถูกบ้างผิดบ้าง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น เราไม่คิดว่าใครจะมาหลอกเราหรืออะไรเป็นพิเศษ เป็นสิ่งที่ครอบครัวคุยกันว่าอยากให้ดูข้อมูลให้ดี ให้คิดให้ดีจะทำอย่างไร เป็นความห่วงใยที่เตือนสติกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่คุณหญิงพจมาน อยากเบรกน.ส.แพทองธารในการนั่งเก้าอี้นายกฯ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่ทางครอบครัวเบรก แต่เป็นเรื่องที่คุณแม่พูดถึงลูกสาวคนเล็ก ซึ่งตนคิดว่าท่านก็คงมีความภูมิใจที่ตนมาอยู่ในจุดนี้ แต่ลึกๆ ท่านก็คงเห็นว่าตนมีความเป็นเด็ก ซึ่งนี่เป็นแค่ในความรู้สึก แต่ในความเป็นจริงเราก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่เด็ก ฉะนั้นเรื่องที่คุณแม่มีความเป็นห่วงเราก็เข้าใจอยู่แล้ว และไม่ได้โกรธอะไรด้วยซ้ำ ซึ่งคุณแม่ก็มีความเป็นห่วงตั้งแต่ที่ตนตั้งท้องและลงพื้นที่ ตนต้องพูดตลอดว่าตนโอเค หาหมอแล้ว ซึ่งจะบอกกับคุณแม่แบบนี้ทุกครั้ง และย้ำว่าไม่ได้มีมิติอื่นจริงๆ

เมื่อถามอีกว่า พร้อมที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ถ้าไม่พร้อม อิ๊งค์คงไม่ให้ชื่อตัวเองไปลง ถ้าไม่พร้อมก็ไม่ก้าวมาอยู่จุดนี้ ซึ่งอิ๊งค์รู้สึกว่าถ้าเราไม่พร้อม เราก็ต้องบอกคนในพรรคว่าเราไม่พร้อม”

เมื่อถามว่า แสดงว่าคุณแม่มีการมองข้ามช็อตไปหรือไม่ ที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในใจมีคำอธิบายมากมาย และอยากอธิบายให้ฟังว่าสิ่งที่คุณแม่คิดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ตนก็ต้องมีสิทธิ์ใช่หรือไม่ เพราะตนเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. หากพรรค พท. ชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าตน นายเศรษฐา ทวีสิน และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯพรรค พท. ก็มีสิทธิ์เป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ หากเราเป็นพรรคอันดับ 1 คุณแม่ก็คงจะมีการคิดถึงว่าจะมีสิทธิ์เป็นไปได้หรือไม่ ท่านก็คงมีความเป็นห่วงว่าหากพรรคพท.ได้อันดับ 1 จริงๆ ตนต้องเป็นนายกฯหรือไม่ จะมีการคุยกันอย่างไรในพรรค ซึ่งคุณแม่มีความเป็นห่วงตรงนี้จริงๆ และท่านพูดเสมอ ซึ่งมีแค่นั้นจริงๆ ในมู้ดของคนเป็นแม่

เมื่อถามว่า ขณะนี้นายพิธามีคดีเข้ามาจำนวนมาก น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า พรรค พท.เคยผ่านกระบวนการถูกยุบพรรคมาแล้วถึง 2 ครั้ง จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีความหนักแน่นในประชาธิปไตย เคารพเสียงของประชาชน เมื่อประชาชนเลือกแล้วก็อยากจัดตั้งรัฐบาลเร็วที่สุดเพื่อแก้ปัญหาประเทศ สำหรับกระบวนการยุติธรรมต่างๆ ขอให้พิจารณาตามข้อมูลหลักฐาน ตนขอส่งกำลังใจให้นายพิธาด้วย เพราะประเทศรอการขับเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ไหวแล้ว เราต้องมีการเมืองแบบใหม่ เมื่อประชาชนเลือกตั้งมาเคารพเสียงประชาชนแล้วมุ่งไปข้างหน้าต่อ สิ่งที่พรรค พท. หรือครอบครัวของตนเคยเจอ ก็อยากให้ยุติลง อยากให้มีการเมืองสร้างสรรค์

เมื่อถามว่า มีการประเมินสถานการณ์หรือไม่ หากเกิดอุบัติเหตุกับนายพิธา รูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไรน.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้ไม่อยากให้พูดถึงเหตุการณ์สมมุติ โจทย์ที่ตนและพรรคพท.มีอยู่คือพรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่ง เราจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกัน เราจะทำตรงนี้ให้เต็มที่

เมื่อถามย้ำว่า หากปมหุ้นของนายพิธาส่งผลกระทบกับการเลือกนายกฯ แนวทางการจัดตั้งรัฐบาลจะยังเป็นฝ่ายประชาธิปไตยใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า แน่นอน ฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือกันให้แน่น เราเคาพเสียงของประชาชน ไปตามนั้น กระบวนการที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ ยืนยันว่าตนขอปฏิเสธกระแสข่าวการพลิกขั้วในช่วงที่ผ่านมา เราไม่มีแผนที่จะพลิกขั้วใดๆ ทั้งสิ้น ตนงงข่าวดีลลับที่ออกมาจำนวนมาก คงลับมากเพราะตนไม่รู้เรื่อง ซึ่งมันไม่ใช่ อยากให้หนักแน่นไว้ พรรค พท. ที่คุยกับพรรคก้าวไกลไว้อย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เมื่อถามว่า หากเกิอุบัติเหตุแล้วพรรค พท. เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 60 กว่าเสียงที่ยังขาดอยู่จะหาจากที่ไหน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องกรรมการบริหารพรรคจะดีกว่า เพราะเขาได้คุยกับพรรคก้าวไกลด้วย คำถามนี้ลงรายละเอียดเกินไปที่ตนจะตอบ

เมื่อถามถึงกระแสข่าวโผรัฐมนตรีต่างๆ ที่มีชื่อ น.ส.แพทองธารนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนเห็นโผออกมาหลายครั้ง ขอบคุณสำหรับทุกตำแหน่ง แต่ไม่ใช่เลย ยังไม่ทราบเลย ตนเห็นพร้อมกับคนที่ดูโซเชียล

เมื่อถามว่า หากจัดตั้งรัฐบาล จะเข้าไปรับตำแหน่งฝ่ายบริหารหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอรอดูก่อน และต้องรอดูผู้มีประสบการณ์หลายท่านที่ต้องตกลงกัน รวมถึงต้องพุดคุยกับพรรคร่วมด้วย.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img