วันเสาร์, พฤษภาคม 18, 2024
หน้าแรกHighlight“คนก้าวไกล”ซัด“ปธ.รัฐสภา”ไม่สง่างาม แฉมีคนจ้องล้มประชุม-ถามปท.ได้อะไร!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“คนก้าวไกล”ซัด“ปธ.รัฐสภา”ไม่สง่างาม แฉมีคนจ้องล้มประชุม-ถามปท.ได้อะไร!

“ก้าวไกล” ชี้ “ปธ.รัฐสภา” ไม่สง่างามสั่งเลื่อนประชุมโดยไร้ข้อสรุป รับรู้มีคนจ้องล่ม ลั่นไม่ได้ทำเพื่อแคนดิเดตพรรคใด แต่อยากปลดล็อกไม่ให้พลิกขั้วซ้ำอีก

เมื่อวันที่ 4 ส.ค.66 ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยสส. แถลงถึงกรณีที่ประธานรัฐสภาเลื่อนการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ว่า เรายืนยันว่าญัตติที่ สส. พรรค ก.ก. ในฐานะสมาชิกรัฐสภาได้เสนอให้มีการทบทวนมติที่รัฐสภา เคยพิจารณาว่า การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นไปตามญัตติทั่วไป ตามข้อบังคับที่ 41 เป็นญัตติที่ถูกต้อง ซึ่งวันนี้ประธานรัฐสภาควรดำเนินการให้มีการลงมติ ว่าสมาชิกรัฐสภาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับญัตตินี้ ซึ่งก็เป็นกระบวนการตามปกติที่ควรจะดำเนิน ในฐานะที่พรรค ก.ก. เป็นฝ่ายที่สนับสนุน ให้นายวันมูฮะหมัดนอร์ มะทา ดำรงตำแหน่งประธานสภา เรามีข้อกังวลว่า การปิดสภาวันนี้ อาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าไม่สง่างาม โดยเห็นว่าเสียง สว. มีไม่พอหรือไม่ที่นำไปสู่การมติ ซึ่งหวังว่าการประชุมหลังจากนี้จะดีขึ้น 

“การปิดประชุมรัฐสภาวันนี้ ทำให้การดำเนินการประชุม 2 วาระ วาระแรกคือการเลือกนายกฯ ซึ่งทั้งพรรค ก.ก. ยังยืนยันว่า การเลือกนายกฯ สามารถดำเนินการไปต่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอมติของศาลรัฐธรรมนูญ และยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจเต็มของรัฐสภา และที่สำคัญ ต่อให้วันนี้สมาชิกส่วนใหญ่ของรัฐสภา อาจจะลงมติให้เลื่อนวาระการเลือกนายกฯไปก่อน แต่ยังมีวาระที่ 2 คือการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขยกเลิกมาตรา 272 ซึ่งมีความสำคัญมากในสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้น เพื่อการดำเนินการปิดสวิตช์ สว. หากผ่านวาระที่ 1 จะทำให้การเลือกนายกฯ ไม่ไปสู่ทางตัน”นายชัยธวัช กล่าว

ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค ก.ก. กล่าวว่า วันนี้ สส.พรรค ก.ก. พร้อมยื่นญัตติเพื่อขอทบทวน ซึ่งปรากฏว่า มีนักวิชาการเข้าชื่อในแถลงการณ์ 115 คน มีผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งนำไปสู่การพิจารณาในประเด็นผู้ที่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ถูกเลื่อนออกไปหลายครั้ง ในความเป็นจริงสามารถใช้กลไกสภาได้ ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อเราตัดสินใจแล้ว ก็สามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้โดยใช้อำนาจสภา เมื่อมีข้อเท็จจริงเหล่านี้ พรรค ก.ก. ได้เสนอญัตติ และมีผู้รับรองถูกต้อง ซึ่งประธานรัฐสภาต้องให้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ พวกเราไม่มีเจตนาประวิงเวลา ซึ่งเตรียมมาอภิปรายเพียงไม่กี่คน เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปโดยเร็ว หากปรากฏว่า มติสภาให้มีการทบทวนและเลิกในผลที่เราเคยลงมติ เราก็จะไม่เจอเงื่อนไขในการเลื่อนประชุมต่อไป ซึ่งไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร ซึ่งมีผู้โต้แย้ง 2 ประเด็นว่า ญัตติของพรรค ก.ก. เป็นหลักการซ้ำ เพราะสภาได้มีมติตามข้อบังคับ 151 ไปแล้ว และเมื่อเป็นหลักการซ้ำก็จะเข้าข้อบังคับที่ 41 ที่ห้ามเสนออีกในสมัยประชุมนั้น 

“ขอยืนยันอีกครั้งว่า การมีมติเมื่อวันที่ 19 ก.ค.นั้น เป็นมติในเรื่องของการตีความข้อบังคับ ว่าการเสนอนายกฯซึ่งคือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. สามารถเสนอได้อีกหรือไม่ และจะเข้าตามข้อบังคับข้อที่ 41 หรือไม่ ซึ่งสาระของสิ่งนี้เป็นคนละเรื่อง ขอยืนยันเช่นเดียวกับที่ยืนยันในสภาว่า การเสนอของพรรค ก.ก. ไม่ใช่ญัตติซ้ำอย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าเสนอและพิจารณาไปแล้ว ปรากฏว่าสัปดาห์หน้าจะพิจารณาอีกในลักษณะ สิ่งนี้ทำไม่ได้ เพราะจะเข้าญัตติซ้ำ”นายรังสิมันต์ กล่าวและว่า ประเด็นที่ 2 ที่ประธานรัฐสภาพยายามอธิบายในห้องประชุม ตามข้อบังคับข้อที่ 151 มีหนึ่งในข้อความที่ระบุไว้ว่า การตีความนั้นต้องเป็นการตีความที่ “เด็ดขาด” หมายความว่า เมื่อตีความไปแล้ว จะมีผู้หนึ่งผู้ใดยกมาอีกไม่ได้ จะต้องมีแนวการตีความไปในลักษณะเช่นนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปิดกั้นไม่ให้ที่ประชุมของรัฐสภามีการทบทวนวินิจฉัยอีกครั้ง ตนจึงพยายามเทียบเคียงกับองค์กรอื่นที่มีอำนาจเด็ดขาดในลักษณะเดียวกัน ว่าถึงที่สุดก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้อย่างกรณีของศาล ดังนั้น ยืนยันว่าการเสนอนี้ สามารถเสนอได้อย่างแน่นอน สมาชิกของพรรค พท. ก็ช่วยยืนยันอีกเสียงหนึ่ง

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ และน่าเสียดายที่การประชุมสภาต้องสิ้นสุด โดยที่ไม่มีข้อยุติอะไรเลย ทั้งที่ความเป็นจริงหากประธานรัฐสภายอมให้พิจารณาเรื่องนี้ ตนคิดว่าเต็มที่ 1 ชั่วโมงก็คงได้ข้อสรุป และจะไปสู่วาระในครั้งถัดๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี และแก้ไขมาตรา 272

“เรื่องที่น่าเสียดายที่สุด คือการแก้ไขมาตรา 272 ที่เป็นประตูทางออกของประเทศไม่ถูกพิจารณา วันนี้เราทราบตั้งแต่ต้นว่ามีการพยายามในการล้มการประชุม ถ้าไม่ได้นายวิโรจน์ช่วยกระตุ้น คงจะไม่มีการแห่เข้ามาประชุม แต่การใช้วิชามารแบบนี้ คำถามสำคัญคือ ประเทศได้อะไร” นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการเสนอญัตติการแก้ไขมาตรา 272 ในการประชุมอีกครั้งหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ในการเปิดประชุมครั้งหน้า เรายืนยัน จะเสนอญัตตินี้อีก เพราะว่าตอนนี้ยังไม่ได้รับการพิจารณา ยังไม่ได้ตกไป ส่วนเรื่องมาตรา 272 เราเห็นว่าเรื่องนี้มีความสำคัญหลายคนอาจจะมองว่าไม่สำคัญ เพราะเรากำลังเลือกนายกฯกันอยู่แล้ว แต่เราไม่แน่ใจว่าสถานการณ์การเลือกนายกฯ จะยืดเยื้อไปถึงไหน อย่างน้อยวันนี้ก็ยืดเยื้อไปถึงกลางเดือนส.ค. อีก ประมาณ 2 สัปดาห์ และถ้าวันนี้ได้มีการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมที่ยกเลิกมาตรา 272 ของ ก.ก. และถ้าผ่านวาระที่ 1 คาดว่าสิ้นเดือนนี้ก็ผ่านวาระที่ 3 ได้ ดังนั้นยังยืนยันว่า เรื่องนี้มีความสำคัญต่อสถานการณ์อยู่ และจะเป็นอีก มาตรการหนึ่งที่จะทำให้การเมืองไม่เดินไปสู่ทางตัน

เมื่อถามว่า หากสามารถแก้ไขมาตรา 272 ได้ จะเป็นโอกาสในการกลับไปเป็นรัฐบาลของพรรค ก.ก. หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรายืนยันมาตลอด ไม่ว่าญัตติที่เสนอวันนี้ และร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ปิดสวิตช์สว.ไม่ได้ทำเพื่อแคนดิเดตพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เพราะมีผลต่อทุกแคนดิเดตจากทุกพรรค รวมถึงพรรค พท. ที่ตอนนี้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลด้วย การปลดล็อกหลายๆ อย่าง ทำให้ไม่จำเป็นต้องไปพลิกขั้วรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องถูกบีบให้ไปมีส่วนร่วมในการสืบทอดอำนาจของขั้วรัฐบาลเดิม

เมื่อถามว่า ระยะเวลาในการรออีก 2 สัปดาห์ อยากให้พรรค พท. ทบทวนและกลับมาอยู่ในร่องในรอยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นการตัดสินใจของพรรค พท.

เมื่อถามต่อว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯซ้ำได้ จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป นายชัยธวัชกล่าวว่า หากมีการวินิจฉัยแบบนั้น คงต้องมีการพูดคุยกันระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ อีกครั้ง 

“ผมขอยืนยันอีกครั้ง ว่าการที่เราเสนอญัตติในวันนี้ เพราะเราเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ควรเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะชี้ขาดควรเป็นอำนาจของรัฐสภาเองที่จะต้องมีมติ และเมื่อมีมติไปแล้วก็ถูกวิจารณ์อย่างร้ายแรงว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตีความข้อบังคับใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หากไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คงไม่มีการเสนอให้ทบทวน ไม่ใช่อยู่ดีๆ อยากจะกลับมติกันไปมาเล่นๆ อย่างนี้ เราเห็นว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะอยู่ในขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญด้วยดังนั้น จะทำอย่างไร เมื่อถูกมองเช่นนั้นไปแล้ว เราจึงพยายามจะเสนอทางออกโดยใช้กลไกของรัฐสภาแก้ไขปัญหานี้ด้วยตนเอง โดยไม่พึ่งศาลรัฐธรรมนูญ สิ่งนี้เป็นสาระสำคัญ”นายชัยธวัช กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img