“โรม” และพลพรรคก้าวไกล ฉวยโอกาสชูภาพ “แกนนำม็อบ 3 นิ้ว” กลางรัฐสภา จี้ให้ปล่อยตัวแกนนำ เจอ “ส.ว.” ประท้วงเกี่ยวอะไรกับแก้รธน. “ชินวรณ์” จวกพูดแต่เรื่องพรรคพวกตัวเองในสภา ปัดปชป. ยื้อเวลาส่งศาลอีกครั้ง “หมอวรงค์” ขย่มซ้ำ หยุดใช้อำนาจแทรกแซงศาล
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.64 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สมัยวิสามัญ) ครั้งที่ 1 เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ) ซึ่งเป็นการพิจารณาเพื่อลงมติในวาระที่สาม ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาทำหน้าที่ประธานที่ประชุม โดยช่วนหนึ่ง ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายตอนหนึ่งพาดพิงถึงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า ตนอยู่ในสถานการณ์บ้านเมืองที่แปลกประหลาด เรามีรัฐสภาที่ไม่รู้อำนาจหน้าที่ตัวเอง สุดท้ายต้องส่งเรื่องไปถามศาลรัฐธรรมนูญ อยากถามว่าตกลงศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่แก้รัฐธรรมนูญ และมีอำนาจนิติบัญญัติเหมือนกับรัฐสภาใช่หรือไม่ เรามีส.ว.หลายคนไม่เห็นด้วยที่จะมีการตีเช็คเปล่าให้ประชาชน แต่วันนี้ออกมาอ้างว่าอำนาจสถาปนาเป็นของประชาชน อยากถามว่าท่านไม่ละอายต่อบาป หรือรู้สึกระอายใจบ้างหรือ
ปรากฏว่าเมื่อถึงตรงนี้ทำให้นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ลุกขึ้นประท้วงว่า “นายรังสิมันต์แสนรู้ทุกเรื่อง แต่ไม่รู้เรื่องตัวเอง ศาลบอกให้ไปถามประชาชน ถามว่าจากความแสนรู้ ทำไมนายรังสิมันต์ถึงไม่รู้ในจุดนี้” จากนั้น นายชวน ทำหน้าที่ประธานการประชุม ขอให้นายรังสิมันต์หลีกเลี่ยงการพูดเสียดสี ส.ว.
นายรังสิมันต์ อภิปรายต่อว่า เรามีองค์กรตุลาการที่ขาดความเชื่อมั่นจากประชาชน พิจารณาขังผู้มีความเห็นต่างถึง 11 คน คนกลุ่มนี้รณรงค์เรียกร้องรัฐธรรมนูญ ยังไม่นับที่ 11 คนถูกข่มขู่ในยามวิกาล โดยอ้างว่าจะนำตรวจโควิด ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นมาตรฐานใหม่ของเรือนจำหรือ
เมื่ออภิปรายถึงตรงนี้ ปรากฏว่า ส.ส.พรรคก้าวไกลหลายคน ที่นั่งอยู่รอบๆ ตัวของนายรังสิมันต์ ได้ยกภาพวาดคล้ายบรรดาแกนนำม็อบ 3 นิ้ว ถูกปิดปาก และมีข้อความประกอบต่างๆ เช่น #Freeเพนกวิ้น #Freeอานนท์ #Freeหมอลำ #Freeสมยศ เป็นต้น ทำให้นายกิตติศักดิ์ ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้งว่าชูป้ายอะไร ถ้ายังชูอยู่ ตนก็จะชูบ้าง โดยขอให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่กำลังทำหน้าที่ประธานการประชุม วินิจฉัยว่าสามารถชูภาพเหล่านี้ในที่ประชุมได้หรือไม่ ซึ่งนายพรเพชร ได้วินิจฉัยไม่ให้ชูภาพอีก จากนั้น นายรังสิมันต์ อภิปรายอีกว่า จำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ เรียนไปถึงทุกฝ่าย เตือนสติว่า เราจำเป็นต้องปล่อยเพื่อนเราทุกคน อย่าขังพวกเขา ให้พวกเขาได้ต่อสู้คดี ทั้งนี้ ขอเสนอญัตติให้ที่ประชุมโหวตวาระที่สาม นายกิตติศักดิ์ ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้งว่า การอภิปรายรัฐธรรมนูญไปเกี่ยวอะไรการการปล่อยตัวแกนนำม็อบ
จากนั้นนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นอภิปรายว่า กรณีที่นายรังสิมันต์ มีการพาดพิงถึงการเสนอญัตติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความว่าเป็นการยื้อเวลานั้น ยืนยันว่าไม่ใช่การยื้อเวลา แต่เป็นการหาทางออกให้กับรัฐสภาเพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป ว่าเราจะมอบอำนาจให้ส.ส.ร.เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ และถือว่านายรังสิมันต์กล่าวความเท็จ อีกทั้งนำเรื่องนอกสภาและเรื่องของพรรคพวกตัวเอง ซึ่งเป็นประเด็นนอกญัตติเรื่องกฎหมายรัฐธรรมนูญ
“ผมอยากเห็นคนรุ่นใหม่หัวใจประชาธิปไตยเปิดใจอันเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่มองว่าตัวเองเป็นนักประชาธิปไตย แต่มองคนอื่นว่าไม่เป็นนักประชาธิปไตย ทั้งนี้ผมไม่อยากให้ประชาชนเห็นว่ารัฐสภาเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดและไม่อยากให้เห็นว่า รัฐสภาไม่รับผิดชอบหรือยื้อเวลา ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการหาทางออกให้กับทางรัฐสภา”นายชินวรณ์ กล่าว
อีกด้านหนึ่ง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี แสดงความเห็นทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า…#หยุดใช้อำนาจแทรกแซงศาล ภาพนี้ถ้าเกิดขึ้นที่ข้างถนน หรือหน้าศาลในฐานะประชาชน จะไม่มีใครว่า แต่เกิดในที่ประชุมรัฐสภา ระหว่างการประชุม ซึ่งถือว่ากำลังปฏิบัติหน้าที่สมาชิกรัฐสภา เท่ากับว่า สมาชิกรัฐสภา ใช้อำนาจหน้าที่แทรกแซง กระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็น 1 ใน 3 เสาหลัก ของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือไม่
