วันเสาร์, พฤษภาคม 18, 2024
หน้าแรกHighlight“ชัยธวัช”เย้ยรัฐบาลรวมการ“เฉพาะกิจ” แบ่งกันกินใช้ชั่วคราว-จัดงบเบี้ยหัวแตก
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ชัยธวัช”เย้ยรัฐบาลรวมการ“เฉพาะกิจ” แบ่งกันกินใช้ชั่วคราว-จัดงบเบี้ยหัวแตก

ชัยธวัช”เย้ยรัฐบาลรวมการ “เฉพาะกิจ” แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ชั่วคราว จัดงบปี 67 แบบเบี้ยหัวแตก  เหล้าเก่าในขวดใหม่  ไม่แตกต่างจากยุค ‘ลุงตู่’

เมื่อวันที่ 3 ม.ค.67 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วาระแรก นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อภิปรายภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ต่อที่ประชุมสภา ว่า  วันนี้ตนฟังนายเศรษฐา ได้อ่านเอกสารประกอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ทำให้ตนนึกถึงบรรยากาศในวันที่นายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแห่งนี้อีกครั้ง เพราะมันเต็มไปด้วยข้อความสวยหรูเต็มไปหมดครบทุกด้าน ซึ่งนายกฯ คนก่อนหน้านี้ก็มาอ่านแบบนี้เช่นกัน เอาภารกิจของทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวงมาเรียบเรียงและบอกว่ารัฐบาลจะทำอะไร แต่ผลเป็นอย่างไรสวยหรูอย่างที่ได้แถลงไว้หรือไม่ทุกท่านทราบดี ในวันที่นายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาก็บรรยากาศแบบนี้ เพิ่มเติมคือมีตัวเลขงบประมาณรวมมาให้ในแต่ละยุทธศาสตร์ แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่เหมือนเดิมคือเป็นการแถลงแผนงาน และเป็นงบประมาณที่กว้างๆ ถ้าไปดูเนื้อในแล้วมันเลื่อนลอยจับต้องไม่ได้ สะเปะสะปะไม่มียุทธศาสตร์ ไม่มีความสำคัญ  

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ตนย้อนไปในวันที่ 11 ก.ย.2565 นายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาบอกว่าประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายที่สำคัญทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองภายในประเทศ สถานการณ์ของประเทศวันนี้มีวิกฤตสำคัญ 3 วิกฤต คือ 1.วิกฤตรัฐธรรมนูญ 2.วิกฤตเศรษฐกิจปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน และ 3.วิกฤตความขัดแย้งในสังคม นายกฯ รัฐมนตรีบอกว่าเพื่อที่จะแก้ปัญหาสร้างความพร้อมและวางรากฐานอนาคตให้กับคนไทยทุกคน โดยระยะสั้นรัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องกระตุ้นรายจ่าย จุดประกายให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง ประกอบกับการเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของประชาชนอย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว ส่วนกรอบระยะกลางและระยะยาวรัฐบาลจะเสริมขีดความสามารถให้กับประชาชนผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทุกคน ถ้านายกฯ จำได้ในวันนั้นพวกเราพรรคฝ่ายค้านก็ได้อภิปรายวิพากษ์วิจารณ์การแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่เหมือนกับที่เคยหาเสียงไว้บ้าง ไม่มีความชัดเจน และรูปธรรมที่จับต้องได้บ้าง ซึ่งนายกฯ บอกว่าให้รอดูแผนงานของแต่ละกระทรวง  

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า เมื่อลงไปดูในแผนงานแต่ละกระทรวงเราพบปัญหาเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นแผนงานที่ไม่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน ไม่สามารถวัดความสำเร็จจากนโยบายได้จริง หรือไม่ก็เป็นแผนงานที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับเป้าหมายทางนโยบายจริง และเมื่อเข้าไปดูไส้ในของนโยบายเหล่านั้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นโครงการเดิมๆ ที่กระทรวงทำอยู่แล้วทุกปีเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ ซ้ำกันทุกปี บ้างก็ยัดโครงการประจำของกระทรวงเข้ามาเป็นแนวนโยบายบอกว่าเป็นแผนงานที่รัฐบาลใหม่จะทำ สับสนปนเปแยกไม่ออกว่าตกลงอันไหนเป็นสิ่งที่รัฐบาลใหม่จะทำหรืออันไหนเป็นงานประจำที่แต่ละหน่วยงานทำอยู่แล้วทุกปี แต่ตนไม่ได้มีปัญหาหรือโทษหน่วยงานราชการ เพราะเวลาที่รัฐบาลสั่งเขาก็เขียนมาให้ แต่สุดท้ายการที่จะบริหารบ้านเมืองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในเชิงยุทธศาสตร์และนโยบายเรือธงของรัฐบาลเป็นภาระของนายกฯ และครม.ไม่ใช่หน่วยงานราชการ รัฐบาลต้องเป็นผู้นำ ข้าราชการเป็นผู้ตาม ตอบสนองนโยบาย  

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ทั้งนี้รัฐบาลใช้เวลา 3 เดือนในการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ ซึ่งก็คาดหวังกันว่าจะนำไปสู่การจัดสรรงบใหม่เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายเป้าหมายของรัฐบาล แต่สุดท้าย 3 เดือนผ่านไป เราดูร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ฉบับนี้ที่กำลังพิจารณากันอยู่มันแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างน้อย พ.ร.บ.ฉบับนี้ควรยึดโยงกับนโยบายเร่งเด่นของรัฐบาลให้เห็นอย่างชัดเจนแต่ก็ไม่มี ซึ่งถ้าเราไปดูเนื้อในของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณจะพบว่ามันเป็นการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ได้ตอบโจทย์จริงๆ หัวข้ออาจจะสวยหรู แต่เนื้อในไส้ในตอบไม่ได้ว่ามันจะบรรลุเป้าหมายทางนโยบายอย่างไร ลักษณะแบบนี้เกิดเยอะแยะเต็มไปหมดในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือการลดค่าไฟ ตอนนี้นโยบายของการลดค่าไฟของรัฐบาลคือผลักให้ กฟผ.ต้องรับภาระ ไม่มีการตั้งงบเพื่อชดเชยหนี้ให้กับ กฟผ.  

“นโยบายเร่งด่วนบอกว่าจะให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งเราทราบกันดีว่าถ้าจะไปสู่จุดนั้นในปีนี้คงจะต้องมีการจัดทำประชามติเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 1-2 ครั้ง แต่เราก็ไม่เห็นการตั้งงบประมาณรอไว้สำหรับเรื่องนี้แต่อย่างใด กกต.ของบประมาณไป 2,000 ล้านบาท แต่สุดท้ายได้รับงบประมาณมา 1,000 ล้านบาทโดยประมาณ  อย่างนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์ได้ชัดเจนอยู่แล้วแต่มันก็ไม่เกิดขึ้น ส่วนนโยบายเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตซึ่งตอนที่แถลงนโยบายนั้น นายกฯกับรัฐบาลยืนยันว่าจะไม่กู้ จะบริหารงบประมาณปกติในการดำเนินนโยบายเรือธงอันนี้แต่วันนี้ก็ชัดเจนว่าไม่มีการตั้งงบประมาณใดๆ ไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 นี้ ชัดเจนว่ารัฐบาลจะต้องรอว่าจะเสนอร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านเข้าสู่สภาได้หรือไม่”นายชัยธวัช กล่าว 

นายชัยธวัช กล่าวว่า ถ้าเราดูในภาพรวมของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ฉบับนี้ วงเงิน 3.48 หมื่นล้านบาท เราจะพบว่ามันเป็นงบประมาณที่เป็นเบี้ยหัวแตกสะเปะสะปะ ไม่มียุทธศาสตร์เหมือนทำงานอย่างไม่มีวาระเป้าหมายชัดเจน หลายเรื่องหน้าปกดูดีแต่พอเข้าไปดูไส้ในแล้วพบว่าไม่ได้ยึดโยงกับเป้าหมายในทางนโยบาย ส่วนใหญ่เป็นโครงการเดิมๆแต่เอามาเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนปกแบบมั่วๆ ก็มี โครงการเก่าๆ เดิมๆ ก็จับมาโยงกับเป้าหมายใหม่ แถมยังนับรวมเอาทุกรายจ่ายแล้วมาเคลมว่าเป็นงบใหม่สำหรับการลงทุนของรัฐบาลใหม่ที่ชอบทำที่สุดก็อย่างทำถนน กลายเป็นงบโครงการพิเศษที่ตอบโจทย์ได้แทบทุกยุทธศาสตร์ โดยโครงการที่ตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ประมาณ 2,000 โครงการ เราเห็นโครงการใหม่อยู่ 200 โครงการเท่านั้น ซึ่งโครงการใหม่แทบทั้งหมดใน 200 โครงการนี้ เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะรัฐบาลชุดใหม่ แต่เกิดขึ้นเพราะมีหน่วยรับงบประมาณใหม่ที่ตั้งขึ้นมาก่อนหน้านี้ ไม่ใช่การผลักดันเพื่อขับเคลื่อนวาระใหม่ของรัฐบาล  

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ทังนี้ยังมีปัญหาอย่างอื่นอีก เมื่อเราดูแล้วการจัดทำงบประมาณในครั้งนี้คาดการณ์รายได้เกินจริงไปเยอะ เท่าที่เราคำนวณน่าจะประมาณ 1 แสนล้านบาท ทำไมต้องคาดการณ์เกินจริงไปขนาดนั้นก็เพื่อจะได้ทำแผนรายจ่ายได้สูงขึ้น แต่ขณะเดียวกันในฝั่งรายจ่ายกลับตั้งงบรายจ่ายที่ควรจะทราบว่าต้องจ่ายแน่ๆ หรือคาดการณ์ได้ว่าจะต้องจ่ายในปีงบประมาณนี้ไว้ไม่พอ เช่น บำเหน็จบำนาญ เงินเดือนข้าราชการ งบสวัสดิการ ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วก็ทำแบบนี้ ตั้งงบไว้ไม่พอ รู้อยู่แล้วว่าต้องจ่าย แล้วสุดท้ายก็ต้องไปตั้งรายจ่ายชดเชยเงินคงคลังทีหลัง นอกจากนั้นยังมีเรื่องงบประมาณเพื่อตอบสนองนโยบายเพิ่มเงินเดือนข้าราชการของรัฐบาลชุดใหม่ ค่าชดเชยภาษีรถ EV ที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลเก่า ค่าไฟที่ต้องชดเชยหนี้ให้กับ กฟผ.  งบซอฟท์พาวเวอร์ที่ระบุว่าจะต้องงบไว้ 5,000 ล้านบาท เหล่านี้ก็ไม่เคยในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ ซึ่งประมาณการว่าไม่น่าจะน้อยกว่า 1 แสนล้านบาทและสุดท้ายก็ต้องปัดเป็นงบกลาง และเป็นรายจ่ายที่ต้องชดเชยเงินคงคลังในปีถัดๆ ไป ไม่ต่างจากรัฐบาลชุดที่แล้วเคยทำมา 

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ด้วยสภาพแบบนี้เราจึงมองไม่เห็นวาระเป้าหมายของรัฐบาลผ่านการทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ แน่นอนเราทราบดีว่าการจะบรรลุเป้าหมายทางนโยบายไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณเยอะเสมอไป บางเรื่องสามารถเป็นนโยบายที่ไม่ใช้งบประมาณได้ เช่น นโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลเคยแถลงไว้ต่อสภาว่าจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม วันนี้พวกเราไม่แน่ใจแล้วว่าวันนี้รัฐบาลกำลังจะสร้างความชอบธรรมด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมจริงๆ หรือกำลังจะทำให้สถานการณ์เรื่องระบบนิติรัฐ นิติธรรมในประเทศย่ำแย่ลงไปอีก เพราะสังคมกำลังถูกตอกย้ำให้อยู่กับกระบวนการยุติธรรมแบบ 2 มาตรฐาน ถูกตอกย้ำว่าพวกเราต้องยอมรับอยู่ในระบบกฎหมายหรือเรือนจำที่มีไว้สำหรับประชาชนสามัญที่ไม่ได้มีอำนาจบารมีและฐานะเงินทองเท่านั้น  

นายชัยธวัช กล่าวว่า ปัญหาของ พ.ร.บ.งบประมาณยังสะท้อนปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นกล่าวคือที่เรามองไม่เห็นวาระเป้าหมายของรัฐบาลผ่านการจัดทำ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ สะท้อนให้เห็นว่าเอาจริงๆ แล้วรัฐบาลชุดนี้เป็นเพียงรัฐบาลรวมการเฉพาะกิจที่ไม่ได้มีวาระเป้าหมายทางนโยบายที่จะขับเคลื่อนร่วมกัน เป็นการรวมการเฉพาะกิจเพื่อแบ่งปันอำนาจกัน แบ่งกันกิน แบ่งกันใช้ชั่วคราว และเพราะเป็นแบบนี้เราจึงเห็นการตั้ง ครม.แบบผิดฝาผิดตัวเต็มไปหมด เพราะไม่ได้แบ่งงานกันตามวาระเป้าหมาย แต่แบ่งกันตามโควตาทางการเมือง วางเจ้ากระทรวงไม่ถูกกับงานเต็มไปหมด พรรครัฐบาลที่ควรจะมีเป้าหมายในการผลักดันนโยบายเรือธงให้ได้ ก็ไม่ได้วางบุคลากรไปบริหารงานกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ อย่างบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเรือธงซึ่งต้องข้ามหน่วยงานเยอะแยะเต็มไปหมดให้สำเร็จ เพราะเป็นแบบนี้เราจึงเห็นการแถลงนโยบายของรัฐบาล การกำหนดแผนงานของกระทรวง ตลอดจนการจัดสรรงบประมาณอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว 

นายชัยธวัช กล่าวว่า วันนี้จากที่เคยบอกว่าคิดใหญ่ทำเป็น บางทีบางวันก็กลายเป็นคิดไปทำไป คิดสั้นไม่คิดยาวบ้าง คิดอย่างทำอย่างก็มี ท่านประธานครับหากการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้จะมีวาระร่วมกันจริงๆ ผมเห็นว่ามันคงเป็นวาระเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตทางอำนาจของชนชั้นนำ เพราะสภาวะการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลชุดนี้ก็ได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่านี่เป็นการรวมตัวกันเพื่อรักษาสภาวะเดิมของสังคมไทยเอาไว้ เป็นการรวมตัวกันเพื่อพยายามฝืนทวนความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย เป็นการรวมตัวกันเพื่อปกป้องพลังทางสังคมแบบจารีตและต่อต้านพลังทางสังคมใหม่ๆ ที่ต้องการอนาคตที่ดีกว่านี้ ก่อนการรัฐประหาร 2549 สังคมไทยได้มีโอกาสได้เห็นความพยายามของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและดูจะเป็นความหวังแห่งความเปลี่ยนแปลง ผู้นำทางการเมืองขณะนั้นเล็งเห็นว่าหากประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าได้กว่านี้ เราจำเป็นจะต้องปฏิรูประบบงบประมาณ ระบบราชการ และกระบวนการกำหนดนโยบาย ที่เดิมล้าสมัยและไม่มีประสิทธิภาพ ในขณะนั้นก่อนการรัฐประหาร 2549 เราจึงได้เห็นความพยายามที่จะเปลี่ยนระบบงบประมาณที่เดิมงบประมาณส่วนใหญ่จะถูกควบคุมโดยระบบราชการตามกระทรวงต่างๆ มาเป็นระบบงบประมาณที่มุ่งเน้นยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอย่างแท้จริง  

“ทว่าหลังการรัฐประหารระบบรัฐราชการ และชนชั้นนำจารีตได้กลับมาควบคุมสังคมไทยอีกครั้ง หลังจากนั้นเราจึงไม่ได้เห็นเจตจำนงและความพยายามของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในการปฏิรูปรัฐไทยในลักษณะนั้นอย่างจริงจังอีกเลย ที่เป็นแบบนั้นเพราะพลังทางการเมืองที่เคยเป็นพลังใหม่ เคยเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงปัจจุบันได้กลับไปร่วมสมาคมเป็นส่วนหนึ่งกับอำนาจเก่าแล้ว ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณที่เรากำลังพิจารณากันอยู่นี้ก็สะท้อนสภาวะทางการเมืองที่เป็นจริงอันนี้”หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าว  

นายชัยธวัช กล่าวต่อไปว่า พวกเราในฐานะฝ่ายค้านสุดท้ายเราอยากจะสื่อสารไปยังฝ่ายบริหาร ไปยังรัฐบาลว่าเราไม่สามารถอยู่กันแบบเดิมๆ ได้อีกแล้ว รัฐบาลทราบดีหลังการรัฐประหาร 2 ครั้งระบบรัฐราชการรวมศูนย์ของไทยกลับมาเติบโตและขยายตัวขึ้นอีกครั้ง รวมศูนย์มากขึ้น ดูผ่านงบประมาณรายจ่ายบุคลากรภาครัฐก็ได้ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แทนที่รัฐเราจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรากลับมีบุคลากรภาครับเพิ่มขึ้นถึง 5 แสนคน จนมีภาระรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรภาครัฐ 40 % ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี เรารู้อยู่แล้วว่าเราจะเดินไปสู่อนาคตที่ดีกว่านี้ โดยไม่พยายามปฏิรูปรัฐไทยอย่างจริงจัง รวมถึงระบบงบประมาณไม่ได้อีกแล้ว มันไม่ตอบโจทย์สังคมไทยและความคาดหวังถึงอนาคตของคนไทยส่วนใหญ่อีกแล้ว  

“พวกเราในฐานะฝ่ายค้านเราไม่อยากเห็น พ.ร.บ.งบประมาณที่เหมือนเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างนี้อีกในครั้งต่อไป แม้จะเป็นฝ่ายค้านพวกเราก็พร้อมสนับสนุนฝ่ายบริหาร ฝ่ายรัฐบาลในการที่จะปฏิรูประบบราชการ ในการที่จะปฏิรูประบบงบประมาณครั้งใหญ่ เพราะมันมีความสำคัญต่อการสร้างอนาคตร่วมกันของพวกเรา 3 วันต่อจากนี้พวกเราฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎรอย่างซื่อตรงต่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างถึงที่สุดและสร้างสรรค์ ขอให้ฝ่ายบริหาร ฝ่ายรัฐบาลเปิดใจรับฟังข้อวิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอแนะและความเห็นของพวกเรา ด้วยหวังว่าสุดท้ายการพิจารณางบประมาณของสภาแห่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้ว่าเราจะผิดหวังกับร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้อย่างถึงที่สุดก็ตาม”นายชัยธวัช กล่าว  

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img