วันอาทิตย์, พฤษภาคม 19, 2024
หน้าแรกHighlight‘เศรษฐา’ไม่กังวลปชช.ให้‘คะแนนน้อย’ เห็นด้วย‘พิชัย’คุย‘ผู้ว่าธปท.’ลดขัดแย้ง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘เศรษฐา’ไม่กังวลปชช.ให้‘คะแนนน้อย’ เห็นด้วย‘พิชัย’คุย‘ผู้ว่าธปท.’ลดขัดแย้ง

“นายกฯ” รับแบ่งงาน “รองนายกฯ-รมต.ใหม่” แล้ว ถึงร้อยละ 95 ไม่กังวล ปชช.ให้คะแนนรัฐบาลน้อย ชี้มีปัญหามาก ต้องใช้เวลา ระบุยังไม่ได้ขีดกรอบ KPI รมต.ขึ้นอยู่กับเวลา-งาน เห็นด้วย “พิชัย” จ่อถก “ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ” หาทางออกร่วมกัน ยันทำงานระบบราชการไม่มีปัญหา

เมื่อวันที่ 7 พ.ค.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สวมชุดขาวเดินลงตึกไทยคู่ฟ้า มายังสนามบริเวณสนามหญ้า เพื่อดูความพร้อมของผังการถ่ายรูปคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มีความเป็นห่วงสภาพอากาศ หากรัฐมนตรีมาจะได้รีบถ่ายภาพร่วมกัน โดยการประชุม ครม.วันนี้จะมีการแบ่งงาน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งตนมีแนวทางไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงร้อยละ 95 ดังนั้นหลังจากนี้จะมีการพูดคุยกัน ซึ่งการประชุม ครม.ในวันนี้ก็จะมีการเน้นย้ำรัฐมนตรีเก่า ที่มีงานช่วยเหลือประชาชนค้างอยู่ ซึ่งก็ต้องนำมาพูดคุยกัน และช่วยเหลือประชาชนต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนจะเน้นย้ำนโยบายในทุกเรื่อง และตามที่ได้แถลงไว้กับรัฐสภา โดยจะยึดหลักความเหมาะสม และความสามารถของแต่ละบุคคลในการแบ่งงานให้รับผิดชอบ

นายกฯ กล่าวต่อว่า จุดมุ่งหมายหลักของตนหลังปรับคณะรัฐมนตรีแล้ว ผลงานจะต้องดีขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่ารัฐมนตรีคนเก่าไม่ดี แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นธรรมดา เพราะประชาชนจะเชื่อมั่น ครม.ชุดนี้ และจะต้องมากับผลงาน ซึ่งการพูดจาเป็นส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับผลงาน

“จึงขอความเป็นธรรมให้กับคณะรัฐมนตรีด้วย เพราะนโยบายบางอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป เช่นเรื่องของการลงทุน การแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน สิทธิเสรีภาพ เพศสภาพ ซึ่งนโยบายเหล่านี้เชื่อว่า ได้มีการเริ่มต้นทำแล้ว”นายกฯกล่าว

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีสบายใจขึ้นหรือไม่ เพราะนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เตรียมพูดคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อลดความขัดแย้ง นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกๆ การเคลื่อนไหว หากช่วยลดความขัดแย้ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม และสมควรที่จะทำ มั่นใจว่า ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายพยายามที่จะพูดคุยกัน ก็จะเป็นเรื่องที่ดี โดยจะนำมาซึ่งการสนับสนุนงานของรัฐบาลได้

เมื่อถามว่า ผลโพลของประชาชนให้คะแนนผลงานของรัฐบาลตลอด 7 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 6-7 คะแนน ซึ่งหลังจากนี้หลังปรับ ครม. จะขับเคลื่อนงานอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า การให้คะแนนจากประชาชน ถือเป็นเสียงสะท้อนอย่างหนึ่ง ซึ่งการที่ตนมายืนอยู่ตรงนี้ถือเป็นหน้าที่ ที่จะต้องฟังเสียงสะท้อนเหล่านั้น ไม่ว่าจะได้คะแนนเท่าไหร่ ก็ยังไม่ถึง 10 อยู่ดี จึงต้องพยายามทำงานต่อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยจะต้องมาพิจารณาอีกทีว่า ส่วนไหนยังทำได้ไม่ดี หรือตรงไหนก็ที่อยู่ในการขับเคลื่อนตามระบบ ที่ต้องใช้เวลาในการทำงานก็ขอให้ความเป็นธรรมให้คณะทำงานด้วย

“ระบบการทำงานของภาคส่วนราชการก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด เพราะถือว่าเป็นภาคส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลเองก็ได้มีการพูดคุยกัน โดยเน้นเรื่องเนื้องานเป็นหลัก และเชื่อว่าทุกกระทรวง ทบวง กรม มีส่วนช่วยในการผลักดันงานของรัฐบาลอยู่แล้ว จึงไม่ได้เป็นปัญหาใด แต่ปัญหาใหญ่ที่พบก็ต้องใช้ทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนงาน”นายกฯกล่าว

เมื่อถามว่า ส่วนตัวได้มีการตั้งตัวชี้วัด หรือ KPI ไว้สำหรับรัฐมนตรีคนใหม่อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยกันว่า บางเรื่องจะต้องแล้วเสร็จภายในเมื่อไหร่ แต่ก็อาจจะมีตัวแปรอื่นที่ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นตัวชี้วัดก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งตัวเองไม่ได้กำหนดว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ โดยบางเรื่องอาจจะจบภายใน 2 สัปดาห์ แต่บางเรื่องอาจจะใช้เวลานานนับปี เพราะแต่ละเรื่องใช้เวลาที่แตกต่างกัน เช่นเรื่องการลงทุน ที่จะต้องมีการประสานงานกับทุกฝ่าย ซึ่งก็ต้องเห็นใจฝ่ายที่จะเข้ามาลงทุนด้วย เพราะจะต้องใช้เวลาในการพิจารณาเป็นระยะเวลายาวนาน เพราะมีตัวเลขลงทุนถึงหลักแสนล้านบาท ดังนั้นจึงต้องมีขั้นตอน

“ผมเชื่อมั่นว่า ครม.ชุดใหม่ ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก”นายกฯกล่าว

เมื่อถามว่า ช่วงเวลา 6-7 เดือนที่ผ่านมา จะต้องเสริมในจุดอ่อนในด้านใดนั้น นายกฯกล่าวว่า ปัญหาสะสมดีมาก ในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม ปากท้องประชาชนประชาชน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ยังคงต้องการความช่วยเหลือ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img