วันเสาร์, พฤษภาคม 18, 2024
หน้าแรกHighlight‘มติพรรคร่วมฝ่ายค้าน’จี้‘นายกฯลาออก’ แก้วิกฤตโควิดเหลว-บิ๊กตู่ทำอะไรไม่ได้
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘มติพรรคร่วมฝ่ายค้าน’จี้‘นายกฯลาออก’ แก้วิกฤตโควิดเหลว-บิ๊กตู่ทำอะไรไม่ได้

“เสรีพิศุทธ์” เผยมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน จี้ “ประยุทธ์” ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังแก้ปัญหาโควิดล้มเหลว 4 ครั้ง ล้วนเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ-รมต. แต่นายกฯทำอะไรไม่ได้ เย้ยถูกปรับไม่สวมแมสก์แค่ “สร้างภาพ” เสนอให้ทบทวนงบจัดซื้ออาวุธกองทัพ แล้วนำเงินมาแก้วิกฤตโควิดให้ปชช.ก่อน

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.64 ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ถูกกทม.ปรับเงิน 6,000 บาทเพราะไม่สวมแมสก์ขณะประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันก่อนว่า เมื่อดูประกาศของ กทม.ที่ออกมาวันที่ 25 เม.ย. และบังคับใช้ทันที โดยไม่มีเวลาให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ อย่างน้อยควรให้เวลา 30-60 วัน เหมือนการบังคับใช้กฎหมาย เมื่อ กทม. ประกาศวันที่ 25 เม.ย.ก็ควรที่จะให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 พ.ค. เพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อม เพราะขณะนี้ประชาชนกำลังยากลำบาก แต่ต้องควักเงินซื้อหน้ากากอนามัย อีกทั้งการปรับกระทบกับประชาชน หากไม่มีค่าปรับเรื่องถึงศาล และหากไม่มีเงินจ่าย อาจต้องติดคุก ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ถูกปรับ เพราะไม่สวมหน้ากากอนามัยนั้น ตนทราบจากข่าว แต่ดูแล้วมันคือการสร้างภาพ ให้ดูเหมือนนายกฯอยู่ภายใต้กฎหมาย เรื่องนี้ประชาชนดูออก แล้วใครจะเชื่อ ขอตั้งคำถามว่า เหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงไม่ไปเสียค่าปรับที่สถานีตำรวจ ต้องเรียกพนักงานสอบสวนมาที่ทำเนียบรัฐบาล ทำให้เจ้าหน้าที่เสียเวลา

“รัฐบาลควรที่จะเร่งป้องกันการระบาดของโควิด-19 โดยประชาชนต้องไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการรักษา ควรแจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน และเห็นว่าการดำเนินการของรัฐบาลตอนนี้ ไม่ทันต่อเหตุการณ์ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีทบทวนและลาออกจากตำแหน่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา พรรคร่วมฝ่ายค้านได้มีมติให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะไม่สามารถทำตามกฎหมายที่ออกมาได้ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาโรคระบาดที่เกิดมา 4 ครั้ง ล้วนมีสาเหตุมาจากเจ้าหน้าที่รัฐและคนในคณะรัฐมนตรี แต่พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ดูได้จาก ครั้งแรกก็เกิดจาก “สนามมวย” ที่ทหารเป็นผู้จัด ก็มีการย้ายทหารคนดังกล่าว แต่สุดท้ายก็กลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิม ครั้งที่ 2 ระบาดจากจ.สมุทรสาคร ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพา “แรงงานต่างด้าว” เข้ามาโดยผิดกฎหมายทำให้เกิดการระบาด ครั้งที่ 3 เกิดจาก “บ่อนการพนัน” ที่จ.ระยอง ก็มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้คุมบ่อน และ ครั้งที่ 4 ที่ “คริสตัลคลับ” ก็มีรัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่นายกฯก็ทำอะไรไม่ได้

“4 ครั้งที่เกิดขึ้น เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้เกิดจากประชาชน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงมองว่าไม่สามารถปกครองประเทศได้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงมีมติให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก มีอำนาจปลดรัฐมนตรีก็ไม่กล้าปลด แม้ว่าเขาจะส่งคนออกมาด่า ก็ไม่กล้าปลด เพราะกลัวจะอยู่ไม่ได้ กลัวไม่มีอำนาจ 7 ปียังไม่พออีกหรือ ยิ่งอยู่ยิ่งแย่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส

เมื่อถามถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ประกาศยึดอำนาจสั่งการเรื่องของโควิด-19 เองทั้งหมด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ไม่ควรยึดอำนาจไว้ที่นายกรัฐมนตรีคนเดียว ควรแบ่งกระจายอำนาจให้คนอื่นทำ เพราะอย่างประเทศที่เจริญแล้ว ก็ไม่ได้ใช้ทหารเข้ามาแก้ปัญหาโควิด แต่การที่ให้ทหารเข้ามา เพราะจะได้มีเงินให้ลูกน้อง งบ 3 แสนกว่าล้านบาท ควรนำมาใช้เพื่อประชาชน ไม่ใช่นำไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เวลานี้ควรนำเงินมาทุ่มกับการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชน เพราะขณะนี้ฉีดไปได้เพียง 5 แสนคน จากประชาชนทั้งประเทศ 60 ล้านคน ถือว่าทำได้น้อยมาก

เมื่อถามย้ำว่า กองทัพที่แจงสาเหตุที่ต้องซื้อยุทโธปกรณ์ต่อ เนื่องจากเป็นสัญญาผูกพันพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า สถานการณ์ของประเทศขณะนี้มีความจำเป็นต้องใช้เงินไม่ควรอ้างเรื่องงบผูกพัน เพราะมันสามารถงดหรือชะลอการชำระได้

ต่อมา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์พรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองและเข้าบริหารราชการแผ่นดินรวมเวลาที่อยู่ในอำนาจเกือบ 7 ปีเต็ม แต่การบริหารประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรี กลับล้มเหลวเกือบทุกด้าน สร้างปัญหาและผลกระทบต่อประเทศ และความทุกข์ยากเดือดร้อนแก่ประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤตปัจจุบัน ดังนี้ 1.ล้มเหลวและมีความผิดพลาดในการจัดการการระบาดของโควิด-19 2.ล้มเหลวในการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ และ 3.ล้มเหลวในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนทั้งประเทศ สนับสนุนพวกพ้องทำลายผู้เห็นต่าง สร้างความแตกแยกในสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯเป็นเครื่องมือและข้ออ้างดำรงไว้ซึ่งผลประโยชน์และอำนาจของตน หลอกลวงประชาชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อต้องการรักษาอำนาจและต่อท่ออำนาจของตนเองให้ขยายออกไป นอกจากนี้ภายใต้กลไกของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 แม้จะมีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเอาผิดได้ จนทำให้การทุจริตคอรัปชั่นในช่วงของรัฐบาลนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า ความล้มเหลว ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ทุจริตคอรัปชั่นเพื่อตนเองและพวกพ้อง ไร้ทิศทางในการบริหารราชการแผ่นดินเหล่านี้ ถ้าปล่อยไปรังแต่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศและประชาชนจนไม่สามารถกอบกู้กลับมาได้ กลายเป็นความเสียหายถาวรต่อประเทศ โดยประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่พ่ายแพ้ต่อโควิด-19 และพ่ายแพ้ด้านเศรษฐกิจ อย่างไม่น่าให้อภัย พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นว่า เพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น รัฐบาลจำเป็นต้องยุติบทบาทในการบริหารประเทศโดยทันทีด้วยการลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้มีรัฐบาลมืออาชีพ มีความรู้ความสามารถ ไม่ยึดติดอยู่กับอำนาจและผลประโยชน์เข้ามาบริหารประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลนี้มักใช้อำนาจเพื่อสั่งการจากบนลงล่าง ไม่เคารพในการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านรัฐธรรมนูญ ปี 2560 และการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงที่ผ่านมา ต้นเหตุมาจากรัฐธรรมนูญที่ท่านวาดหวังให้เป็นฐานรองรับเจตนาสืบทอดอำนาจ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อตัวท่านและพวกท่านเท่านั้น

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นว่า หากเราต้องการก้าวไปสู่ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตัดต้นตอของปัญหาซึ่งประกอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 และรัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการผลักดันให้ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติให้มีผลบังคับใช้ เพื่อจัดทำประชามติยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า แล้วจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นคู่ขนานไปกับการเดินหน้ายกเลิกอำนาจของวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อป้องกันไม่ให้อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการตัดวงจรสืบทอดอำนาจของระบอบเผด็จการอย่างถาวร

พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ร่วมกันให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีพล.อ.ประยุทธ์ โดยจะยื่นหนังสือขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนและมีความเห็น กรณีมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 53 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงโดยได้ปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำให้เชื้อโรคโควิด 19 กลับมาแพร่ระบาดใหญ่ ประชาชนต้องล้มป่วยและเสียชีวิตไปจำนวนมากต่อไป พรรคร่วมฝ่ายค้านหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ จึงต้องลาออกจากตำแหน่งสถานเดียว และไม่กระทำการใดๆ ที่จะเป็นการวางกับดัก ต่อท่ออำนาจของตนเองต่อไป” นายสมพงษ์ กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img