”ไทยสร้างไทย”ลุยตรวจจุดเสี่ยงน้ำท่วมมหาสารคาม หลังมวลน้ำไหลทะลักมาตามลำน้ำชี เสนอรัฐบาลยกน้ำท่วม-น้ำแล้ง เป็นวาระแห่งชาติ สังคายนาจัดการน้ำใหม่
นายทองหล่อ พลโคตร รองประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่ พรรคไทยสร้างไทย นำทีมอาสาไทยสร้างไทยจังหวัดมหาสารคาม ลงพื้นที่สำรวจจุดเสี่ยงน้ำท่วม และรับฟังปัญหาประชาชนในอำเภอโกสุมพิสัย อำเภอกันทรวิชัย และ อำเภอเมืองมหาสารคาม
นายทองหล่อ กล่าวว่าหลังจากพายุเตี้ยนหมู่ ที่ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมหลายจังหวัด เช่น สุโขทัย, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, สระบุรี, และพระนครศรีอยุธยา โดยขณะนี้ มวลน้ำก้อนใหญ่ส่วนหนึ่ง ได้ไหลทะลักมาตามลำน้ำชี เข้าท่วมพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และกำลังมุ่งหน้าสู่จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา
“น้ำท่วมปีนี้มาเร็ว และมาแรงกระทบวงกว้าง โดยหากเปรียบเทียบกับน้ำท่วมปี 2554 ที่ว่าหนักแล้ว แต่ปีนี้น้ำท่วมหนักยิ่งกว่า แต่ภายใต้ความเดือดร้อนแสนสาหัสของเกษตรกร รัฐบาลเองก็ไม่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ซึ่งแม้ว่าจะมีการจัดขบวนเป็นข่าวใหญ่โตออกไปตรวจสอบน้ำท่วม แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นเนื้อหาสาระ ตรงกันข้ามกับมีภาพสะท้อนการหวังผลทางการเมืองและไปเป็นภาระของคนในพื้นอีกต่างหาก”
นายทองหล่อ กล่าวเพิ่มเติมว่าการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในประเทศไทย ต้องบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นอย่างระบบ ทั้งน้ำท่วม และน้ำแล้ง ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องจริงจังต่อปัญหาดังกล่าว โดยการยกระดับปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง เป็นวาระสำคัญของชาติ เพื่อสังคายนาการใหม่อย่างเป็นระบบครบทุกมิติ กำหนดให้มีแผนหลัก บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาคราชการ และส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ดำเนินการสู่เป้าหมายเดียวกัน และมีกรอบงบประมาณที่ชัดเจน ซึ่งต้องมีงบประมาณเพียงพอต่อภาระกิจ รวมถึงระยะเวลาดำเนินการไม่ควรเกิน 4 ปี เพื่อเป็นผลงานชี้วัดศักยภาพของรัฐบาลที่รับผิดชอบ
“พรรคไทยสร้างไทย ได้วางหลักคิดไว้ว่า จะต้องเร่งดำเนินการให้มีแหล่งกักเก็บน้ำสองส่วนคือ แหล่งเก่าต้องขุดลอกให้ลึกและกว้างสามารถรองรับน้ำได้เพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งเท่า รวมถึงจัดหาแหล่งรองรับน้ำใหม่กระจายตามพื้นที่อย่างเหมาะสม และทำคลองขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ เชื่อมโยงต่อกันอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ แหล่งน้ำสองส่วนนี้ จะเป็นที่รองรับน้ำช่วงน้ำท่วมและกักเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง โดยที่พรรคไทยสร้างไทย มีนโยบายที่สำคัญประการหนึ่งคือ “1 ปี 1 ล้านบ่อ ก่อให้เกิดอาชีพและความสุขเกษตรกรไทย” เพื่อนำสู่การแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งอย่างเป็นรูปธรรม”นายทองหล่อกล่าว
