วันจันทร์, พฤษภาคม 20, 2024
หน้าแรกHighlight“เทพมนตรี”ดักคอ“ปิยบุตร”ปลุกระดมข้ามปี เหน็บ“อย่าได้คิดหนีไปก่อน”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เทพมนตรี”ดักคอ“ปิยบุตร”ปลุกระดมข้ามปี เหน็บ“อย่าได้คิดหนีไปก่อน”

“เทพมนตรี”ดักคอ “ปิยบุตร”โพสต์ปลุกระดมข้ามปี เหน็บอย่าคิดหนีไปก่อน  เตือนสังคมไทยส่วนใหญ่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าคิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ในรอบกึ่งศตวรรษมันคงทำยาก

เมื่อวันที่ 4 ม.ค.65 นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm ระบุว่า…น้องท่านอาจารย์ปิยบุตรผู้วาดหวัง

ได้มีโอกาสอ่านโพสต์วันที่ 31 ธันวาคม 2564 ของน้องท่านอาจารย์ปิยบุตรแล้ว ดูเหมือนจะเริ่มปลุกระดมกันข้ามปีเชียว ความวาดหวังว่าเขาจะได้กลับมาเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเร็ววันนี้ อาจไม่ทันกาล

เจตนารมย์ของอาจารย์น้องท่านต้องการให้การปฏิรูปสถาบันสามารถพูดคุยกันได้ในพื้นที่สาธารณะ คงหมายรวมถึงทุกตารางนิ้วที่รัฐธรรมนูญให้สิทธิเสรีภาพ (แม้ห้องน้ำสาธารณะอาจารย์ปิยบุตรคงหมายรวมไปด้วย) แต่สิทธิเสรีภาพนั้นก็จำต้องมีขอบเขตเพราะไปก้าวล่วงผู้อื่นไม่ได้ ทุกๆครั้งที่อ้างว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะพูด เขียน (ด่า) หรือออกมาชุมนุมก็ไม่เคยเลยที่จะอ้างหน้าที่ความเป็นปวงชนชาวไทย พูดง่ายๆอาจารย์ปิยบุตรน้องท่านก็ละเว้น จนถึงกับละเลยที่จะวิเคราะห์ตัวบทในรัฐธรรมนูญมาตรา ๔ ให้สาวกและสองเขาสามกีบทั้งผองเข้าใจ

การมักละเลยเช่นที่ว่านี้ทำให้เลยเถิดคิดไกลไปว่า ความพยายามยกตัวอย่างนักคิดนักเขียน นักปฏิวัติ นักเคลื่อนไหวบ้านเมืองฝรั่งทั้งหลายมาใช้กับคนไทยตามความคิดความเชื่อของตนเองโดยถ่ายทอดลงไปให้สาวกเคลิบเคลิ้มนั้น เพราะมีเป้าหมายสร้างวาทกรรมออมชอบซ่อนเร้นให้สอดคล้องต้องกันกับความเป็นหลักสากล คนไม่รู้ความไปด้วยก็เข้าใจว่าเป้าหมายของน้องท่านต้องการให้สังคมดี บ้านเมืองดี แบบเหล้าไทยชื่อฝรั่ง

ความเป็นไทยเรามีระบบอุปถัมภ์มหาเมตตาค้ำจุนสังคมไทย ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความโอบอ้อมอารี การรู้จักให้อภัยเป็นพื้นฐานทางวัฒนธรรมอันล้ำเลิศ การยิ้มแย้มแจ่มใส แบบ”ยิ้มสยาม” หรือการสบถคำว่า “ไม่เป็นไร” ก็ดูเหมือนมีความประนีประนอมไปได้ในที

คนไทยเราผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน ตามประวัติศาสตร์เรื่องเล่าและตำนาน มีให้เห็นอยู่เสมอ คนอย่างน้องท่านอาจารย์ปิยบุตรก็ไม่ใช่ว่าพึ่งเกิดขึ้นในสังคมนี้ แต่เกิดมาแล้ว ในอดีตสร้างตัวตนจนดับลับสูญหายไปก็มากโข

สังคมไทยยังคงเดินหน้าต่อ คนไทยส่วนใหญ่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าคิดหมายว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ในรอบกึ่งศตวรรษมันคงทำยากลำบาก อย่างที่เห็นกันอยู่ กรณีคณะราษฎรที่มักถูกนำมาอ้างนั้น ที่ทำเหมือนจะเอาชนะ “ศักดินา มหาอำมาตย์” ทั้งหลายได้ก็เพราะทำตัวเป็นโจราเรียกค่าไถ่ จับตัวพระบรมวงศานุวงศ์พระประยูรญาติของพระเจ้าอยู่หัวเอาไว้ในพระที่นั่งอนันตสมาคม ข่มขู่อาฆาตมาดร้ายเกินขนาด บังเอิญพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ ทรงมีพระราชดำริหมายให้ประเทศของเรามีความเจริญก้าวหน้าทางรัฐธรรมนูญกับทั้งไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อ จนพระองค์ท่านอาจถูกประณามหยาบหมิ่นพระเกียรตินั่งบนบัลลังก์เลือดได้

พระองค์ทรงเลือกความประนีประนอม ในทางประวัติศาสตร์คือบทเรียนสำคัญว่า “มันจะไม่ถูกทำให้เกิดขึ้นอีกแล้ว”

กระนั้นอาจารย์น้องท่านสมควรพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนขบวนความด้วยเถอะว่า ความคิดดังที่ขีดเขียนตัวอักษรออกมาอย่างมากมายนั้นจะไม่มีวันทำสำเร็จในบ้านเมืองนี้ได้ วัฒนธรรมฝรั่ง วัฒนธรรมไทยมันคนละรากเหง้า

ความรู้เท่าทันกันก็ดี ความรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วกว่าแต่ก่อนก็ดี หรือแม้แต่ประสบการณ์ของฝ่ายความมั่นคงเข้าเล็งเป้าหมายมั่น เอาตัวน้องท่านอาจารย์ปิยบุตร ขึ้นสู่ขบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตัวเองอย่างในเร็ววันนี้แน่นอน

ขอเพียงน้องท่านอย่าได้คิดหนีดังสุภาษิตอันเก่าแก่ของเรา “ขวัญหนีดีฝ่อ” พลัดพรากจากถิ่นฐานอันเป็นดินแดนศิวิไลแห่งสยามประเทศไทยของเราไปเสียก่อน …….ขอให้พึงระลึกเสมอว่า ขนมเปียกปูนของไทยเราย่อมดีกว่าครัวซองท์ฝรั่งเศส เป็นไหนๆ!

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img