วันอาทิตย์, พฤษภาคม 19, 2024
หน้าแรกNEWS“กรุณพล”ชี้ตั้งงบฯ“ประชารัฐสวัสดิการ” ไม่พอ แถมส่อทุจริต
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“กรุณพล”ชี้ตั้งงบฯ“ประชารัฐสวัสดิการ” ไม่พอ แถมส่อทุจริต

กรุณพล” ระบุ ตั้งงบฯ “ประชารัฐสวัสดิการ” ไม่พอ แถมส่อทุจริต ยืนยันการจัดสวัสดิการแบบถ้วนหน้าตอบโจทย์ของประชาชน

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.65 นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าการพิจารณางบประมาณปี 2566 ในวาระที่ 2 ของชั้นกรรมาธิการ ในช่วงสัปดาห์แรกของการพิจารณาที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้เข้ามาชี้แจงต่อกรรมาธิการครบทุกหน่วยงานแล้ว ประเด็นที่พรรคก้าวไกลมีข้อกังวล คือการจัดสรรงบประมาณกองทุนประชารัฐสวัสดิการ เนื่องจากเป็นการจัดงบประมาณที่ไม่น่าจะเพียงพอ ในร่างงบประมาณปี 2566 งบประมาณในส่วนนี้มีการเพิ่มขึ้นเพียง 18% จาก 3 หมื่นล้านบาท เป็น 3.5 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันก็กำลังจะมีการขยายกรอบผู้รับสวัสดิการจาก 13.36 ล้านคน เป็น 20 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 50%

นายกรุณพล กล่าวต่อว่า ยังไม่นับว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการรับลงทะเบียนใหม่และการตรวจสอบสิทธิ รวมทั้งค่าดำเนินการต่างๆ ซึ่งงบประมาณที่อยู่ในแผนไม่น่าจะเพียงพอต่อการจัดการ ซึ่งทางผู้ชี้แจงระบุว่าหากงบประมาณไม่เพียงพอจริง ก็ต้องนำงบกลางมาจัดสรร ทำให้พรรคก้าวไกลต้องตั้งคำถาม ว่าเมื่อรู้อยู่แล้วต้องใช้งบประมาณเท่าไร เหตุใดจึงไม่จัดสรรให้เพียงพอแต่แรก แต่กลับไปหวังนำงบกลางที่ต้องใช้เมื่อยามจำเป็นฉุกเฉิน และตรวจสอบได้ยากหรือไม่ได้เลยมาใช้แทน ข้อกังวลที่สอง คือกรณีการดำเนินการที่ไม่โปร่งใส ที่ผ่านมา สตง. มีการสุ่มตรวจผู้ถือบัตร 596 ราย จาก 13 กว่าล้านราย พบว่ามีถึง 350 รายหรือ 58.72% ของการสุ่ม เป็นการใช้บัตรของผู้เสียชีวิตไปแล้ว และยังมีการใช้จ่ายในร้านค้าบางแห่งซ้ำกันจนผิดสังเกต เช่น มีกรณีการซื้อแก๊สหุงต้มในร้านเดียวกันถึง 789 ครั้งในยามวิกาล โดยอาศัยการสวมสิทธิของผู้เสียชีวิตเป็นต้น

นายกรุณพล กล่าวต่อว่า ดังนั้น สมาชิกกรรมาธิการในสัดส่วนพรรคก้าวไกล ได้พิจารณาแล้วเห็นว่างบประมาณในส่วนนี้ยังมีปัญหาอยู่ และยืนยันว่าการจัดสวัสดิการแบบถ้วนหน้าอาจตอบโจทย์มากกว่าการจัดแบบเจาะจงที่ช่วยแต่ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและการตรวจสอบ มีความยุ่งยาก และอาจมีการสวมสิทธิเกิดขึ้นได้

“ในยุคที่มีความผันผวนไม่แน่นอนสูง การให้แบบเจาะจงอาจทำให้คนตกหล่น เนื่องจากเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี ทำให้ปัญหาสังคมไม่ได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน งบประมาณที่ต้องใช้ในการดำเนินการก็สูง เช่นการจัดการเอกสาร ที่ต้องใช้งบฯ สูงถึง 500 ล้านบาท แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นการให้สวัสดิการแบบถ้วนหน้าอย่างที่พรรคก้าวไกลเสนอแทน เราจะสามารถนำเงิน 500 ล้านบาทนี้มาให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงได้” กรุณพล กล่าว

นายกรุณพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้พรรคก้าวไกลยืนยันว่ามีแต่การถ่ายทอดสดให้ประชาชนได้ร่วมติดตามเท่านั้น ที่จะสามารถทำให้การพิจารณางบประมาณเป็นไปด้วยความโปร่งใส และเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และจะยังคงเรียกร้องให้มีการถ่ายทอดสดการพิจารณางบประมาณในชั้นกรรมาธิการ ทั้งในปีนี้และปีต่อๆ ไปต่อไป

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img