วันอังคาร, พฤษภาคม 14, 2024
หน้าแรกHighlight''เฟด''ส่งสัญญาณขึ้น''ดอกเบี้ย''ปลายปีอีก 1 ครั้ง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

”เฟด”ส่งสัญญาณขึ้น”ดอกเบี้ย”ปลายปีอีก 1 ครั้ง

เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ เฟดคงดอกเบี้ย 5.25-5.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดรอบ 22 ปี ขณะที่เศรษฐกิจแข็งแกรง ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งภายในปีนี้คุมเงินเฟ้อให้อยู่ที่ 2%

รายงานข่าวจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)แจ้งว่า ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี

โดยการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%

ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (dot plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 5.6% ภายในสิ้นปีนี้ และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งสู่ระดับ 5.1% ในช่วงสิ้นปี 2567 และแตะ 3.9% ในช่วงสิ้นปี 2568 ขณะที่แตะ 2.9% ในช่วงสิ้นปี 2569 ขณะที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับ 2.5%

ส่วนการคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐนั้น เฟดปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวสู่ระดับ 2.1% ในปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.0% และคาดว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัว 1.5% ในปี 2567 จีดีพี 1.8% ในปี 2568 และ 1.8% ในปี 2569 ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 1.8%

นอกจากนี้ เฟดปรับลดคาดการณ์อัตราว่างงานสู่ระดับ 3.8% ในปีนี้ และอยู่ที่ 4.1% ทั้งในปี 2567 และ 2568 ส่วนในปี 2569 อยู่ที่ระดับ 4.0% ขณะที่อัตราว่างงานระยะยาวอยู่ที่ 4.0%

ส่วนการคาดการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อนั้น เฟดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสู่ระดับ 3.7% ในปีนี้ อยู่ที่ 2.6% ในปี 2567 เงินเฟ้อ 2.3% ในปี 2568 ปี 2569 อยู่ที่ระดับ 2%

สำหรับตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจล่าสุดชี้ให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวต่อเนื่อง การจ้างงานได้ชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง และอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง

ขณะที่ระบบธนาคารของสหรัฐมีความมั่นคงและมีความสามารถในการรับมือและฟื้นตัวจากวิกฤติ เงื่อนไขการให้สินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับครัวเรือนและธุรกิจมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งขอบเขตของผลกระทบเหล่านี้ยังไม่แน่นอน คณะกรรมการฯ ยังคงให้ความสำคัญกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อเป็นอย่างมาก 

ทั้งนี้หลังทราบมตินโยบายการเงินของสหรัฐ นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมครั้งหน้า ในวันที่ 1 พ.ย. ตามข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME นักลงทุนให้น้ำหนัก 70.1% ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมครั้งหน้า

คณะกรรมการฯเฟดพยายามที่จะบรรลุการจ้างงานสูงสุดและอัตราเงินเฟ้อ 2% ในระยะยาว เพื่อที่จะสนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ คณะกรรมการฯจึงตัดสินใจรักษาช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของธคารกลางไว้ที่ 5.25% ถึง 5.5% คณะกรรมการจะยังคงประเมินข้อมูลที่เข้ามาเพิ่มเติมและผลกระทบของมันที่มีต่อนโยบายการเงินต่อไป

” การกำหนดขอบเขตการกระชับนโยบายเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งอาจเหมาะสม เพื่อที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับลงไปที่ 2% เมื่อเวลาผ่านไป คณะกรรมการฯ จะคำนึงถึงความเข้มงวดสะสมของนโยบายการเงิน ความล่าช้าของนโยบายการเงินที่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ และสิ่งที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจและตลาดการเงิน”

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า การนำเศรษฐกิจสหรัฐลงจอดอย่างนุ่มนวล (soft landing) นั้น มีความเป็นไปได้ แต่ต้องดำเนินการอย่างระมัดวัง  โดยการตัดสินใจครั้งต่อไปจะขึ้นอยู่กับข้อมูลทั้งหมด  ส่วนการลดดอกเบี้ยคาดว่าเกิดขึ้นในปี 67

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img